สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนราย นายธีระศักดิ์ ทิพย์บุญศรี เป็นเวลา 10 ปี กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของลูกค้าโดยมิชอบ จากการหลอกให้ลูกค้าโอนเงินค่าซื้อหน่วยลงทุน และเงินฝากเข้าบัญชีตนเอง ขณะกระทำผิดสังกัดธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
ก.ล.ต. ได้รับรายงานการตรวจสอบจากธนาคารเกียรตินาคินภัทร และตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างปี 2564-2565 นายธีระศักดิ์ให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของตนเองและ/หรือนำเงินสด โดยแจ้งลูกค้าว่าจะนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนให้ลูกค้า แต่นายธีระศักดิ์ไม่ได้ทำตามความประสงค์ของลูกค้าและนำเงินไปใช้ส่วนตัว และได้จัดทำเอกสารตารางการลงทุนในหน่วยลงทุนที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อให้ลูกค้าเชื่อว่าได้นำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนจริง
นอกจากนี้ นายธีระศักดิ์ยังชักชวนให้ลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์กับตน โดยให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว แต่ไม่ทำรายการตามความประสงค์ของลูกค้า ทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหายรวม 6 ราย เป็นเงินจำนวนรวม 980,000 บาท ทั้งนี้ นายธีระศักดิ์ได้ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่ลูกค้าดังกล่าวครบถ้วนแล้ว
ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของนายธีระศักดิ์ เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ลงทุนโดยมิชอบ และมีพฤติกรรมอันส่อไปในทางไม่สุจริต ที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือในการเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ก.ล.ต. จึงเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 2 และกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบของนายธีระศักดิ์ เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนในคราวต่อไป เป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2566
ทั้งนี้ ในการพิจารณากำหนดระยะเวลาข้างต้น ก.ล.ต. ได้นำปัจจัยดังต่อไปนี้มาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย ได้แก่ บทบาทความเกี่ยวข้องและพฤติกรรมของบุคคลที่ถูกพิจารณา การลงโทษที่บุคคลนั้นได้รับไปแล้ว ผลกระทบ ความเสียหาย หรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขหรือการดำเนินการอื่นที่เป็นประโยชน์หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของ ก.ล.ต. และประวัติหรือพฤติกรรมในอดีตอื่นใดที่แสดงถึงความไม่เหมาะสมที่จะเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน
ก.ล.ต. ขอย้ำให้ผู้ลงทุนตรวจสอบรายการซื้อขายหน่วยลงทุนที่ดำเนินการแล้วเสร็จทันที และตรวจสอบรายงานการถือหน่วยลงทุนและบัญชีเงินฝากอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งในการโอนเงินลงทุน จะต้องโอนเข้าบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจเท่านั้น โดยไม่โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของผู้แนะนำการลงทุน และไม่ฝากเอกสารสำคัญไว้กับผู้แนะนำการลงทุน เช่น ใบคำสั่งซื้อหรือขายหน่วยลงทุนที่ลงนามไว้ล่วงหน้า กรณีมีข้อสงสัยควรติดต่อบริษัทผู้ให้บริการ หรือสอบถามได้ที่ “ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต.” โทร. 1207 หรือเฟซบุ๊กเพจ “สำนักงาน กลต.” หรือ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต.