ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ส.ค.66 ปิดที่ 1,550.28 จุด ลดลง 5.78 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 54,924.46 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ มองทิศทางการลงทุนเดือน ส.ค.66 ผันแปรตามปัจจัยในประเทศ 3 ประเด็น คือ พัฒนาการของการเมืองโดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ หากพรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยที่ไม่ได้มีพรรคก้าวไกลอยู่เป็นพรรคร่วม และไม่มี ความวุ่นวายนอกสภาเกิดขึ้น คาดว่าจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้น
การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/66 และการปรับเปลี่ยนประมาณการของนักวิเคราะห์ ซึ่งล่าสุดยังคงเห็นสัญญาณการ Downgrade ต่อเนื่อง
ในเชิงกลยุทธ์ มองดัชนีหุ้นไทยเดือนนี้ อิงทางลง หลังดัชนีขึ้นมาใกล้ระดับดีสุดในวิธี PE Model ของทรีนีตี้ที่ 1,560 จุด โดยที่ยังไม่เห็นพัฒนาการเชิงบวกใดๆทางปัจจัยพื้นฐาน
แนะนักลงทุนที่จำเป็นต้องถือหุ้น ใช้จังหวะที่ SET Index ทะลุระดับ 1,560 จุดขึ้นไป ทยอยเปิดสถานะ Short ในตราสาร Index futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตหากดัชนีมีการปรับตัวลงมาตามที่คาดไว้
สำหรับตัวหุ้นที่พอ Selective ในช่วงที่ดัชนีอยู่สูง มอง 2 กลุ่ม ที่มีผลการดำเนินงานผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ไปแล้ว ดังนี้ หากต้องการลงทุนไปตามโมเมนตัม มองหุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่ได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นสูง เช่น TOP, SPRC, BCP, IRPC, PTTGC
และหากต้องการลงทุนหุ้นปลอดภัย ยกให้กลุ่มโรงพยาบาลที่ยังคงปรับตัว Laggard ตลาดในช่วงที่ผ่านมา หุ้นเด่นคือ BDMS, BH, BCH, CHG, PR9
ด้าน บล.เอเซียพลัส หุ้นเดือน ส.ค. ประเมิน Valuation ด้วยวิธี Market Earning Yield Gap (MEYG) แบบอนุรักษนิยม จะได้แนวรับทางพื้นฐานอยู่ที่ 1,480 จุด แต่ถ้าลดระดับดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ 2% จะได้แนวต้านทางพื้นฐานที่ 1,542 จุด และถ้าสภาพคล่องกลับมา รวมถึงต่างชาติสลับเข้ามาซื้อสุทธิ หนุนให้แนวต้านทางพื้นฐานขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,610 จุด
สำหรับกลยุทธ์เดือน ส.ค. แนะนำหุ้น 3 ธีม 1.หุ้น CHINA PLAY คือ ERW, SCGP 2.หุ้น ELECTION PLAY คือ GPSC, CK, SIRI 3.หุ้น EARNING MOMENTUM PAY คือ PLANB, SNNP!!
อินเด็กซ์ 51