DELTA มองรถยนต์ไฟฟ้าโตแรง ช่วยหนุนการเติบโต ด้านโบรกฯสั่ง ”ขาย” เหตุหุ้นแพง พีอีสูง

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

DELTA มองรถยนต์ไฟฟ้าโตแรง ช่วยหนุนการเติบโต ด้านโบรกฯสั่ง ”ขาย” เหตุหุ้นแพง พีอีสูง

Date Time: 2 ส.ค. 2566 14:41 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • DELTA เชื่อผลงานช่วงที่เหลือของปีเติบโตได้ต่อเนื่อง หนุนโดยอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเทรนด์ที่เกี่ยวกับเอไอ แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอ ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แนะนำ ”ขาย” เหตุหุ้นแพง พีอีสูง

เศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญกับภาวะการชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ และตลาดกำลังพัฒนา ที่ยังคงมีความเสี่ยงต่อเนื่อง โดยรายงานของธนาคารโลกในเดือนมิถุนายน ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกจะชะลอตัวลงจาก 3.1% ในปีที่แล้ว อยู่ที่ 2.1% ในปี 2566


ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และการส่งออกของไทยนี้ ผลิตภัณฑ์ของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ยังคงมีศักยภาพการเติบโตสูงตามแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก ครอบคลุมโซลูชันประหยัดพลังงานสำหรับภาคอุตสาหกรรม ศูนย์ข้อมูล โทรคมนาคม และยานยนต์ไฟฟ้า


จาง ช่าย ซิง ประธานบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในแต่ละภูมิภาคที่เติบโตในระดับสูง ขณะที่แนวโน้มความต้องการสินค้าในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีสูงขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องของบริษัท


ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนจะมีแผนการเพิ่มกำลังการผลิตและการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นในอนาคต ซึ่งบริษัทได้ติดตามสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการยอดขายในห่วงโซ่อุปทานได้มากขึ้น แม้มีกระแสข่าวว่าผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าบางรายปรับลดกำลังการผลิตลง จากภาวะการขาดแคลนชิ้นส่วนบางประเภท ซึ่งมองว่าเป็นอุปสรรคระยะสั้นเท่านั้น


อย่างไรก็ดี ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน โดยรายได้การขายและบริการ เติบโต 28% กำไรขั้นต้น เติบโต 19.3% และกำไรสุทธิ เติบโต 9.5% ถือเป็นการทำสถิติใหม่สูงสุด


ขณะที่ฐานลูกค้าของเดลต้า ประเทศไทย มีการกระจายตัวที่ดีจากลูกค้าหลักทั้งในอเมริกา และยุโรป โดยอุปสงค์ตลาดโลกยังคงมีในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำเป็น และโซลูชันด้านการประหยัดพลังงาน สำหรับศูนย์ข้อมูล ระบบโทรคมนาคม และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า สอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก ประกอบกับเดลต้าประสบความสำเร็จในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อบรรเทาความเสี่ยงการขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญ


นอกจากนี้ ระดับสินค้าคงคลัง (Inventory) ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทั้งสินค้าที่เป็นวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จ ซึ่งบริษัทยังติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งการใช้วัตถุดิบ เพื่อให้สามารถบริหารสินค้าคงคลังให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด 


ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังคงแนะนำให้ระมัดระวัง DELTA มีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แม้อุปสงค์เซมิคอนดักเตอร์สำหรับยานยนต์ยังคงทรงตัวอยู่ในขณะนี้ แต่อาจลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566


มีรายงานว่า Volkswagen กำลังลดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นชั่วคราว เนื่องจากกำลังการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอ ดังนั้นอุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตจึงมีความผันผวนสูง นอกจากนี้ OEM ของกลุ่มยานยนต์จำนวนมากกำลังหาทางเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนในตลาด EV ที่ราคากำลังลดลง ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง และไม่คิดว่าการเติบโตที่ 15-20% ต่อปี จะเหมาะสมกับระดับพีอีที่สูงในปัจจุบันที่ถึง 80 เท่า


พร้อมกันนี้ การปรับสินค้าคงคลังในอุตสาหกรรมน่าจะมีต่อไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2566 และต้นปี 2567 เนื่องจากความต้องการที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ระดับสินค้าคงคลังสำหรับสินค้าบางประเภท (โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค) อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นคาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจะค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 3/66 สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ในกลุ่มยานยนต์ อุปสงค์ยังคงที่ในปัจจุบัน เราคาดกำไรหลักในไตรมาส 3/66 ของ DELTA จะเพิ่มขึ้นปานกลาง ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาส 2/66


นอกจากนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรหลักปี 2566 ขึ้น 8% ไปเป็น 1.72 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 18% จากปีก่อน และราคาเป้าหมายปรับขึ้นจาก 75 บาท ไปเป็น 83 บาท คงคำแนะนำพื้นฐาน “ขาย”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ