ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ช่วงเปิดตลาดบ่ายวันนี้ ลดลง 0.60 บาท เปลี่ยนแปลง -3.43% มาอยู่ที่ 16.90 บาท สวนทางดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ล่าสุด ITC เปิดเผยงบผลประกอบการมีกําไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ที่ 444.9 ล้านบาท (ลดลง 67.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส ก่อนหน้า) สาเหตุหลักมาจากคําสั่งซื้อที่ลดลงอันเป็นผลมาจากการปรับลดปริมาณสินค้าคงเหลือของลูกค้า แรงกดดันด้านต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และสัดส่วนการขายสินค้าพรีเมียมที่ลดลง ซึ่งบางส่วนถูกหักลบด้วยรายได้อื่นและเครดิตภาษีเงินได้ที่สูงขึ้น กําไรสุทธิเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มดําเนินการโครงการลดต้นทุนในช่วงไตรมาส 2 ประกอบกับรายได้อื่นและเครดิตภาษีเงินได้ที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากําไรสุทธิอยู่ที่ 13.7% (ลดลงจาก 25.0% ในไตรมาส 2 ปี 2565 แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 11.9% ของไตรมาส 1 ปี 2566)
กําไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ที่ 870.0 ล้านบาท (ลดลง 61.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน) สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายของลูกค้าลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์และโครงการใหม่ๆเพื่อกระตุ้น ยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 และยังคงมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า ทําให้อัตรากําไรสุทธิในครึ่งปีแรกนี้อยู่ที่ 12.7%
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าธุรกิจท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ จะเห็นได้ว่าผลงานในไตรมาส 2 นี้ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะผลกำไร บริษัทฯ จึงได้ประกาศปันผลระหว่างกาลจากผลกำไรในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 0.25 บาทต่อหุ้นรวม 750 ล้านบาท คิดเป็น 86% ของกำไรสุทธิของครึ่งปีแรก
โดยปันผลระหว่างกาลจากผลกำไรครึ่งปีแรกจะมีกำหนดจ่ายในวันที่ 25 สิงหาคม 2566 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 11 สิงหาคม 2566 และขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 10 สิงหาคม 2566
ในช่วงครึ่งปีหลัง ITC มีแผนที่จะเดินสายพบนักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยอย่างต่อเนื่อง และร่วมในงานจัดแสดงสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงต่างๆ ทั้งในเอเชีย ยุโรป รวมถึงงาน SuperZoo ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อพบปะลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายภายในงาน นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสพบลูกค้าและนักลงทุนในประเทศญี่ปุ่นและยุโรปในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เพื่อขยายธุรกิจและฐานลูกค้ารวมถึงนักลงทุนสู่กลุ่มใหม่ๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ในครึ่งปีแรก ยอดขายของไอ-เทลมีสัดส่วนของยอดขายในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ อยู่ที่ 51% ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่เอเชียและโอเชียเนียอยู่ที่ 38% และยุโรปอยู่ที่ 11% ในส่วนของยอดขายแบ่งตามประเภทของสินค้าหลัก 3 ประเภท ได้แก่ อาหารแมว 68% อาหารสุนัข 17% ขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง 12% และธุรกิจอื่นๆ อีก 3%
“เรายังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกเรามีผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของลูกค้ามากถึง 3,740 รายการ ซึ่งในครึ่งปีหลังเราจะเดินหน้าต่อเนื่องในการนำเสนอสินค้านวัตกรรมและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียมทั้งในรูปแบบของมูส ปาเต และเครื่องดื่ม ส่งไปยังลูกค้ากลุ่มซุปเปอร์มาร์เก็ตและแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน” นายพิชิตชัย กล่าว