บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ MINT แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า Minor Hotel Group MEA DMCC (MHG DMCC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 100% โดย MINT ได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท Crystal Plaza Private Limited (Crystal Plaza) ในจํานวน 60% ของจํานวนหุ้นทั้งหมด จาก Ocean Mass Limited มูลค่า 36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,250 ล้านบาท โดยใช้กระแสเงินสดจากการดําเนินงานเข้าลงทุนในครั้งนี้
Crystal Plaza มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 690 ล้านบาท ดําเนินกิจการรีสอร์ตในมัลดีฟส์ ซึ่งภายหลังการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว Crystal Plaza ถือเป็นบริษัทย่อยของ MINT โดยมีวัตถุประสงค์ของการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคต
ทั้งนี้ Ocean Mass Limited มิได้มีความสัมพันธ์ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้น หรือกรรมการของบริษัท ดังนั้น ผู้ขายจึงมิได้เป็นบุคคลเกี่ยวโยงตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัท จดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 ดังนั้น รายการดังกล่าวมิได้เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงตามประกาศดังกล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทมีหน้าที่ต้องรายงานตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ บจ/พ. 11-00 เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศและการปฏิบัติการใดๆ ของบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากเป็นกรณีที่บริษัทจดทะเบียนได้มาซึ่งเงินลงทุนในบริษัทอื่น ซึ่งเป็นผลให้บริษัทอื่นนั้นมีสภาพในการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 คาดฟื้นตัวเด่นจากไตรมาสก่อน หนุนจากโรงแรมในยุโรป หรือ NHHOTEL (รายได้ราว 50% ของกลุ่ม) เข้าช่วง High Season และหากเทียบจากปีก่อน คาดผลประกอบการเติบโต แม้เจอฐานสูงจากปีก่อนที่ยุโรปเริ่มเปิดประเทศและมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อิงตัวเลขจากโรงแรมที่บริษัทบริหารจัดการเอง ซึ่งเป็นกลุ่มรายได้หลัก รายได้ห้องพักเฉลี่ยในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2566 เติบโตราว 40% จากปีก่อน และ 35% เทียบกับเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2562 สะท้อนความแข็งแกร่งของความต้องการท่องเที่ยว ที่หนุนให้ราคาห้องพักต่อคืนยืนระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ MINT ในช่วงที่เหลือของปี เบื้องต้นแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2566 คาดในไตรมาส 3/66 จะได้แรงส่งจากช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในยุโรป ขณะที่ไตรมาส 4/66 คาดผลประกอบการได้แรงหนุนหลักจากการฟื้นตัวของโรงแรมและร้านอาหารในไทยเข้าช่วง High Season ที่ได้การกลับมาจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นสำคัญ อีกทั้งธุรกิจอาหารในจีนคาดการณ์ฟื้นตัวแบบ V-Shape จากฐานต่ำและโอกาสเติบโตของรายได้ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจีน คงประมาณการปี 2566-2567 ที่ 6.4 พันล้านบาท หรือโต 219% จากปีก่อน และ 8.4 พันล้านบาท หรือโต 31% จากปีก่อน ตามลำดับ.