การเรียนรู้จากผู้ประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่ดี ที่เราจะได้เรียนลัดว่าเขาทำเคล็ดลับอย่างไรถึงจะขึ้นเป็นผู้นำได้ ทั้งในวงการธุรกิจ การเมือง หรือแม้กระทั่งโลกของการลงทุน
แต่ถ้าเราได้ศึกษาความผิดพลาดในอดีตว่ากว่าจะถึงจุดนี้ได้ เคยลองผิดอะไรมาบ้าง นี่คือสิ่งที่ล้ำค่ามากกว่า โดยหนึ่งในเซียนหุ้นที่เคยเทรดด้วยวอลลุ่มมากกว่าแสนล้านบาทต่อปี อย่าง เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง ผู้ที่ได้ชื่อว่าวิเคราะห์กราฟเทคนิคแม่นเหมือนจับวาง และจับจังหวะตลาดได้เก่งคนหนึ่งก็เคยต้องเจ็บปวดครั้งใหญ่ด้วยความเสียหายในหุ้นอย่าง TT&T หรือ บมจ.ไทย เทเลโฟน แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น จนนับเป็นวิกฤติชีวิตครั้งใหญ่ของเสี่ยงป๋อง
รักมากไป ทำให้ขาดทุน
“เสี่ยป๋อง” เล่าว่า วิกฤติที่หนักที่สุดที่เคยเจอ คือการเข้าไปลงทุนในหุ้น TT&T หรือ บมจ.ไทย เทเลโฟน แอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น เมื่อปี 2548 หลังจากเพิ่งผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งมาได้ไม่นาน
โดยเขาได้สนใจเข้าลงทุนเพราะมองว่า TT&T มีความน่าสนใจ และน่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต จึงตัดสินใจเข้าไปลงทุนด้วยเงินมากกว่า 400 ล้านบาทในเวลานั้น แต่ต่อมาราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากจนหลุดแนวกราฟสำคัญ
แต่เวลานั้นเสี่ยป๋องชองหุ้นตัวนี้มาก ทุกคนรอบข้างชอบหุ้น TT&T กันหมด โดยมองว่าธุรกิจมีแนวโน้มที่ดี สวนทางกับราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าพอร์ตจาก 400 ล้านบาท เหลืออยู่เพียง 60 ล้านบาท ภายใน 2-3 เดือน ต้องโดนบริษัทหลักทรัพย์เรียกหลักประกันเพิ่มเติม (Margin call) ทำให้จำเป็นต้องขายเพื่อรักษาสินทรัพย์อื่นไว้
สิ่งที่เสี่ยป๋องได้เรียนรู้ เหตุผลของข้อผิดพลาดเกิดจากการ “มโนหมู่” เมื่อชอบหุ้นอะไรมากไปจะขาดหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจลงทุน พร้อมด้วยตอนนั้นไม่ยอมขายหุ้น ทำให้เจ็บหนัก ซึ่งกว่าที่พอร์ตการลงทุนจะฟื้นกลับมาได้ก็ใช้เวลาอยู่ 5 ปี
เรื่องนี้ทำให้ปัจจุบันหันมาเชื่อปัจจัยทางเทคนิคมากขึ้น และย้ำเตือนอยู่เสมอว่า “กราฟไม่เคยหลอกใคร” เนื่องจากเชื่อว่าทุกคนที่รู้ข่าวร้ายก่อนเรา มักจะขายก่อนเสมอ กราฟราคาหุ้นก็จะปรับตัวลดลง แต่ถ้าเขารู้ว่าจะมีข่าวดีอะไร เขาก็จะซื้อ ทำให้กราฟปรับตัวขึ้นเสมอ
“สุดท้ายผมมาเชื่อกราฟ มาเชื่อตอนเกือบหมดตัวแล้ว แต่ก็ยังดีเพราะว่าวันนี้หุ้นถูก Delist ออกจากตลาดไปแล้ว ถ้าผมไม่ขายและฝืนถืออยู่ตอนนั้น วันนี้อาจไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้” เสี่ยป๋อง กล่าว
รอดพอร์ตแตกจากโควิด เพราะเชื่อฟังกราฟ
เสี่ยป๋อง เล่าต่อว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมาที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากระดับมากกว่า 1,500 จุด เหลือ 900 จุด รอดจากการขาดทุนในหุ้นอย่างหนัก เพราะว่าเชื่อกราฟทางเทคนิค 100% และได้โพสต์เฟซบุ๊กเตือนคนอื่นๆ ด้วยว่าตอนนั้นกราฟทางเทคนิคหลุดเส้น 75 month expo จึงได้ขายหุ้นออกไป และปรากฏว่าหลังจากนั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ลดลงจาก 1,524 จุด เหลือ 900 กว่าจุด
อย่างไรก็ตามมองว่าความสำเร็จอยู่ที่จังหวะการลงทุน อย่างช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงที่คาดการณ์ได้ยาก จากต้นปีมองว่าจะมีปัจจัยบวกอย่างการเลือกตั้ง การท่องเที่ยวฟื้น ทำให้รายได้โดยรวมดีขึ้นจากช่วงโควิด-19 ทำให้ภาวะตลาดหุ้นน่าจะดี แต่ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนก็ยังติดลบอยู่ ซึ่งก็ยังต้องติดตามการเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ด้วย ที่จะชี้ชัดการลงทุนในตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้.