ส่องคาดการณ์กำไร “หุ้นแบงก์” ไตรมาส 2/66 ในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

ใกล้เข้ามาทุกที กับฤดูกาลประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาสที่ 2/2566 และเป็นที่น่าจับตาอย่างมากสำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่อยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในปัจจุบัน ทำให้กำไรสุทธิมีแนวโน้มที่จะสามารถเติบโตได้ดี

#ThairathMoney พาสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ถึงมุมมองต่อผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในไตรมาส 2/66 ที่จะประกาศเร็วๆ นี้อย่างไร และจะมีความน่าสนใจแค่ไหน

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ระบุว่า ในมุมมองฝ่ายวิจัย กําไรสุทธิกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (8 ธนาคาร) งวดไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 0.3% จากไตรมาสก่อน และโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแรงส่งของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 

โดยคาดว่า ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB รายงานกําไรเด่นสุดในกลุ่มเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนราว 5.7% ส่วน BBL ขยายตัวสูงสุดในกลุ่มเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 52% 

ขณะที่แนวโน้มกําไรสุทธิกลุ่มฯ ปี 2566-2567 เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี สอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

BAY : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

สำหรับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY มองว่า คาดกำไรไตรมาส 2/66 ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แม้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลงจากมูลค่ายุติธรรม (FVTPL) มีฐานสูงงวดก่อน หักล้างการขยายตัวของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) แต่คาด Credit Cost ต่ำลงจากไตรมาสก่อน สาหรับการรวมกิจการ Home Credit ในฟิลิปปินส์ และ SHBFinance เวียดนาม ด้วยระยะเวลาการรับรู้ในงบกำไรขาดทุนราว 1 เดือนจึงไม่น่าส่งผลบวกมากนัก ส่วนการรับรู้รายได้จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS เต็มไตรมาส ถูกบั่นทอนด้วยมูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดที่ชะลอตัวลงทั้งของ KSS และ KCS

อย่างไรก็ดี คาดกำไรเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) สูงขึ้น ตามการขยายตัวของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยที่เริ่มปรับขึ้นตั้งแต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565

BBL : ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL คาดว่ากำไรไตรมาส 2/66 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโตตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย M-Rate ประกอบกับแนวโน้ม Credit Cost ลดลง จากการตั้งสำรองสูงช่วงที่ผ่านมา สะท้อนจาก Coverage Ratio ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/66 สูงสุดในกลุ่มอยู่ที่ราว 265%

ขณะเดียวกัน คาดกำไรเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดรับกับทิศทางรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสูงขึ้น อานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยที่เริ่มปรับตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2565 อีกทั้งแนวโน้ม Credit Cost

KBANK : ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

ส่วนธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/66 จะลดลงจากไตรมาสก่อน จาก FVTPL มีฐานสูงงวดก่อน และรายได้ค่าธรรมเนียมฯ ถูกกดดันจาก Capital market ทั้งบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนตามภาวะตลาด ขณะที่ Credit Cost ทรงตัวสูงจากลูกหนี้รายใหญ่ และมองว่าพอร์ต SME เผชิญแรงกดดันจากภาคการส่งออกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง

ขณะที่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดกำไรสุทธิต่ำลงเพราะ Credit Cost สูงขึ้นด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่กล่าวมาข้างต้น

KKP : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

ด้านธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ลดลงจากไตรมาสก่อน เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยถูกกดดันจากกลุ่ม Capital market ประกอบกับ Credit Cost สูงขึ้น จากแรงกดดันด้านหนี้เสีย (NPL) ในพอร์ตเช่าซื้อ หลังมีทิศทางปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เหตุเพราะภาวะเงินเฟ้อ

พร้อมคาดกำไรสุทธิชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเหตุผลเดียวกับที่กล่าวมาข้างต้น ผสานกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น เนื่องจากมองว่าผลขาดทุนรถยึดยังคงอยู่ในระดับสูง ตามสถานการณ์หนี้เสียพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์

KTB : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB คาดกาไรสุทธิไตรมาส 2/66 ขยายตัวจากไตรมาสก่อน เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ สูงขึ้นตามดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ดีบน Coverage Ratio ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/66 ที่ 177% ช่วงให้ Credit Cost งวดนี้อยู่ในการบริหารจัดการ

นอกจากนี้ คาดกำไรสุทธิจะเติบโตได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนด้วยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสูงขึ้นรับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เริ่มปรับขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2565

SCB : บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)

สำหรับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 จะเติบโตจากไตรมาสก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสอดรับกับการขยายตัวของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามดอกเบี้ยขาขึ้น และการรุกสินเชื่อกลุ่ม Gen 2 ประกอบด้วย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง

ขณะเดียวกันคาดว่ากำไรจะเติบโตได้เมื่อเทียบไตรมาส 2/65 เช่นกันจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ประกอบกับมี Credit Cost ลดลง จากฐานที่สูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน

TISCO : บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ขณะที่บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/66 จะลดลงจากไตรมาส 1/66 จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ตามภาวะซบเซาในตลาดทุน ซึ่งไม่สามารถชดเชยได้กับการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ตามการขยายตัวของสินเชื่อ

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้นเพราะการขยายสาขาสมหวังเงินสั่งได้ ที่เป็นธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถด้วย

TTB : ธนาคารทหารไทย ธนชาต จำกัด (มหาชน)

สำหรับธนาคารทหารไทย ธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB มองว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/66 จะขยายตัวได้จากการบริหารจัดการ Credit Cost และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสูงขึ้น ตามการเพิ่มดอกเบี้ย ขณะที่แรงกดดันด้านค่าธรรมเนียมกลุ่ม Capital Market ต่ำกว่ากลุ่ม เพราะถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) เพียง 10% ของทุนจดทะเบียน อีกทั้ง FVTPL ตั้งแต่ไตรมาส 1/63 ถึงปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 415 ล้านบาทต่อไตรมาส คิดเป็น 2.5% ของรายได้รวม ถือว่าไม่สูง

อย่างไรก็ดี เชื่อว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/66 จะขยายตัวได้หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่กล่าวมาข้างต้น