เบทาโกร เชื่อราคาหมูฟื้น หลังศุลกากรเร่งกำจัด “หมูเถื่อน” วางงบ 5 พันล้านดันรายได้โต 8-10%

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เบทาโกร เชื่อราคาหมูฟื้น หลังศุลกากรเร่งกำจัด “หมูเถื่อน” วางงบ 5 พันล้านดันรายได้โต 8-10%

Date Time: 16 มิ.ย. 2566 18:00 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • - เบทาโกร ชี้หมูเถื่อนทำราคาหมูตกต่ำเหลือ 60-70 บาทต่อกิโลกรัม เชื่อศุลกากรมีมาตรการตรวจเอกสาร-เปิดตู้หมูแช่แข็ง ทำราคาหมูฟื้นตัวได้
  • - มองนโยบายขึ้นค่าแรงไม่กระทบมาก จากสัดส่วนแรงงาน 84% มีค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำ และต้นทุนจากแรงงานคิดเป็นไม่ถึง 6% ของต้นทุนทั้งหมด
  • - วางงบลงทุนปีละราว 5,000 ล้านบาท ขยายการลงทุนต่อเนื่อง ดันรายได้เติบโตปีละ 8-10%

สถานการณ์ราคาเนื้อหมูในตลาดตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา กดดันเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ผลิตเนื้อหมูในประเทศอย่างมาก ขณะที่ทางออกของเรื่องนี้ดูเหมือนจะมีความคลี่คลายมากขึ้น หลังมีความร่วมมือจากภาคเอกชนและสมาคมผู้ผลิตเนื้อหมูมากขึ้น ในการป้องกันการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูผิดกฎหมาย และช่วยกันตรวจพบและทำลาย


บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่ ที่มีธุรกิจหลักในการจำหน่ายอาหารและโปรตีน โดยเฉพาะเนื้อหมูและเนื้อไก่ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน โดยในช่วงที่ผ่านมาภาวะราคาหมูตกต่ำ กดดันความสามารถในการทำกำไรและผลประกอบการอย่างมาก


“หมูเถื่อน” กดดันราคาหมูตกต่ำ


นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ร่วมกันติดตามสถานการณ์การลักลอบจำหน่ายหมูที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมาย หรือ “หมูเถื่อน” และกดดันให้มีการทำลายอย่างต่อเนื่อง หลังสิ้นปีที่ผ่านมาถึงไตรมาสแรกของปีนี้ เกิดปัญหาราคาหมูตกต่ำอย่างมาก โดยราคาหมูเป็นเหลือเพียง 60-70 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น จากเดิมที่ราว 100 บาทต่อกิโลกรัม


จากแรงกดดันในการเร่งทำลายหมูเถื่อนดังกล่าว ทำให้เกิดการเร่งระบายหมูเถื่อนออกมา กดดันราคาเนื้อหมูในตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้มีการตรวจพบและทำลายไปแล้วกว่า 159 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือประมาณ 4 ล้านกิโลกรัม อย่างไรก็ดี เชื่อว่าต่อจากนี้ไปกรมศุลกากรจะดำเนินมาตรการอย่างเคร่งครัด ในการตรวจสอบเอกสาร และเปิดตู้คอนเทนเนอร์สินค้าอาหารแช่แข็ง ซึ่งเนื้อหมูเถื่อนแช่แข็งส่วนมากถูกจัดเก็บอยู่ในห้องเย็นและด่านท่าเรือ จะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นให้กับผู้ผลิตเนื้อหมูในประเทศ


อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากมีมาตรการที่เข้มงวดและทำลายเนื้อหมูเถื่อนมากขึ้น ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูในตลาดปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ราว 84 บาทต่อกิโลกรัม มองว่าเกิดจากการลดซัพพลายที่มากเกินจำเป็น และมีการผลิตที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค


ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจเกษตร 29% กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน 64% ธุรกิจระหว่างประเทศ 5% และธุรกิจสัตว์เลี้ยง 2%


นโยบายลดค่าไฟ-ขึ้นค่าแรง


นายวสิษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มองว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของบริษัทค่อนข้างน้อย จากพนักงานของบริษัทมีรายได้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำคิดเป็นสัดส่วนกว่า 84% ขณะที่ค่าแรงของพนักงานคิดเป็นไม่ถึง 6% ของต้นทุนทั้งหมด


นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเอกชนหลายรายมีการส่งสัญญาณไปยังพรรคการเมืองว่าการปรับขึ้นค่าแรงตามนโยบายที่หาเสียงไว้นั้น จะกระทบต่อการเพิ่มต้นทุนในภาพรวมของภาคการผลิต และจะมีผลด้านลบต่อการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะการส่งออก


ส่วนนโยบายการปรับลดค่าไฟฟ้านั้น มองว่าต่อจากนี้ไปมีแนวโน้มที่ลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลง ปัจจุบันค่าไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนราว 2% ของต้นทุนบริษัท


วางงบลงทุนปี 2565-2568 รวม 1.59 หมื่นล้านบาท ดันรายได้โตปีละ 8-10%


บริษัทวางงบลงทุนสำหรับปี 2566 ไว้ที่ 5,126 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนขยายธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีนที่จะใช้สัดส่วนงบลงทุนสูงที่สุดถึง 1,754 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเกษตร 1,356 ล้านบาท การขยายธุรกิจระหว่างประเทศ 730 ล้านบาท ธุรกิจสัตว์เลี้ยง 330 ล้านบาท และส่วนที่เหลือสำหรับการลงทุนอื่นๆ อีก 420 ล้านบาท


ขณะเดียวกัน บริษัทเชื่อว่าการลงทุนในระดับปีละประมาณ 5,000 ล้านบาทนี้ จะช่วยสนับสนุนให้สามารถมีรายได้เติบโตได้เฉลี่ยปีละ 8-10% เป็นฐานในการเติบโตทุกปี อย่างไรก็ดี บริษัทยังเปิดโอกาสในการเติบโต จากการซื้อกิจการ หรือควบรวมกิจการด้วย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ