“ห่านทองคำ” จ่ายภาษีมูลค่ารวม 3.75 แสนล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่ SET Note เรื่อง “ตลาดหุ้นไทย : บทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย กับการมีส่วนร่วมในการจ่ายภาษีให้ภาครัฐ” โดยระบุว่าตลาดทุนประกอบด้วย ผู้มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องหลายฝ่าย มีส่วนในการสร้างงาน สร้างกำลังซื้อผ่านการจ้างงาน สร้างผลกำไร ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างรายได้ให้ภาครัฐ ผ่านการมีส่วนร่วมในการจ่ายภาษีและเป็น “ห่านทองคำ” โดย 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2565) รัฐบาลได้จัดเก็บภาษีสุทธิ หลังหักการจัดสรรแล้ว เฉลี่ยปีละ 2.37 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ 80% จัดเก็บโดยกรมสรรพากร และ 631,000 ล้านบาท เป็นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ขณะที่หากพิจารณาเฉพาะภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจากงบการเงินรวม พบว่าปีที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนไทย 813 บริษัท จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมสูงสุดในประวัติศาสตร์ด้วยมูลค่ารวม 375,000 ล้านบาท หรือ 50.2% ของภาษีนิติบุคคลที่กรมสรรพากร จัดเก็บทั้งหมดในปี 2565

สำหรับกลไกการเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทยได้ช่วยให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มมากขึ้น สังเกตได้จากมูลค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลที่บริษัทจดทะเบียนนำส่งกรมสรรพากรช่วง 3 ปี หลังจากเข้าจดทะเบียนซื้อขายมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 เท่า เมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นอกจากภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ภาครัฐจัดเก็บจากบริษัทจดทะเบียนแล้ว บริษัทจดทะเบียนยังมีการจ่ายภาษีในรูปแบบต่างๆ และไม่รวมถึงภาษีต่างๆที่ผู้มีส่วนร่วมในตลาดหุ้นไทย ได้จ่ายภาษีให้ภาครัฐ อาทิ ภาษีอื่นๆ และรวมทั้งอากร ที่บริษัทจดทะเบียนจ่ายรวมกว่า 277,000 ล้านบาทในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และยังมีประมาณการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่จัดเก็บจากการจ้างงานพนักงานของบริษัทจดทะเบียนไทยปี 2564 มีมูลค่า 80,325 ล้านบาท รวมทั้งมีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ที่หักจากนักลงทุน เมื่อมีการจ่ายปันผลช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 249,000 ล้านบาท โดยปี 2565 มีการนำส่งภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย รวมสูงกว่า 30,000 ล้านบาท.