เปิดอาณาจักรเบียร์แสนล้าน ไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี สุราก้าวหน้า กระทบหรือไม่

Investment

Stocks

ไชยรัตน์  ศรีสุข (อาร์ม)

ไชยรัตน์ ศรีสุข (อาร์ม)

Tag

เปิดอาณาจักรเบียร์แสนล้าน ไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี สุราก้าวหน้า กระทบหรือไม่

Date Time: 28 พ.ค. 2566 12:42 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • - ไทยเบฟเวอเรจ ปัจจุบันเป็นบริษัทจดทะเบียนในสิงคโปร์ มีรายได้ปี 65 ที่ 272,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 34,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.2%
  • - แผนการเติบโตของ ไทยเบฟเวอเรจ ที่ผ่านมาคือเน้นสร้างความแข็งแกร่ง
  • - บล.กรุงศรี มองสุราก้าวหน้าจะไม่กระทบในระยะสั้น เพราะเป็นคนละกลุ่มฐานลูกค้า และบริษัทเริ่มมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมากขึ้น
  • - เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ นำธุรกิจสุราเข้าไอพีโอในสิงคโปร์

สุราก้าวหน้าเป็นนโยบายหนึ่งที่พรรคก้าวไกลใช้หาเสียงเป็นเรื่องหลัก เพราะมองว่าต้องการทลายทุนผูกขาด ซึ่งในประเทศไทยนั้นมีผู้เล่นรายใหญ่ที่ครองตลาดอยู่ โดยเฉพาะกลุ่ม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ปัจจุบันจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งหลายคนมองว่าหากเปิดเสร็จจริงอาจกระทบได้ ในวันนี้ Thairath Money จะชวนนักลงทุนมาเปิดไส้ในของไทยเบฟเวอเรจนั้นเป็นอย่างไร และผลกระทบจากสุราก้าวหน้าหากใช้จริงจะมากแค่ไหน ติดตามได้ที่บทความนี้

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยในด้านธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ปัจจุบันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากรายงานประจำปี 2565 บริษัทมีรายได้ในปี 2565 ที่ 272,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น34,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.2% และกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 30,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2%  

เมื่อแกะไส้ในพบว่า ไทยเบฟ มีสัดส่วนรายได้จาก ธุรกิจสุรา 43% ธุรกิจเบียร์ 45% ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 6% และธุรกิจอาหาร 6%  โดยในปี 2565 บริษัทมีปริมาณการขายธุรกิจเบียร์ 2,493 ล้านลิตร สูงกว่าปีก่อนที่ 2,167 ล้านลิตร ธุรกิจสุรามีปริมาณการขาย 698 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 695 ล้านลิตร ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1,617 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1,458 ล้านลิตร

 

จับมือโชว์ห่วยสร้างซัพพลายเชนจ์

ในด้านการบริหารธุรกิจในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้เน้นการสร้างเครือข่ายกระจายสินค้าให้แข็งแกร่ง โดย เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริษัท บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยผ่านรายงานประจำปีว่า ในปี 2565 ท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พลังงาน และต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น โดยไทยเบฟได้ปรับแผนการดำเนินงานอย่างไม่หยุดนิ่ง ผ่านการเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจและความสามารถทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรับมือและลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว และเพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ไทยเบฟเสริมสร้างเครือข่ายการกระจายสินค้าของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ค้าปลีกระดับท้องถิ่นรายเล็กในประเทศไทย โดยเราร่วมมือกับผู้ค้าปลีกเหล่านี้ เพื่อช่วยปรับปรุงร้านค้าให้ทันสมัย และพัฒนาระบบการปฏิบัติงานของร้านให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ร้านค้าเหล่านี้สามารถส่งต่อประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า อีกทั้งยังช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับร้านค้าให้ดียิ่งขึ้นได้

โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการกระจายสินค้าและบริหารจัดการลูกค้า รวมถึงการใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในการผลิตช่วยให้เราเชื่อมต่อกับลูกค้าและผู้บริโภคได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้เกิดความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตนอกจากนี้ เรายังเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์ รวมถึงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์

 

 

 

 

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2565 ธุรกิจสุรามีผลประกอบการที่มั่นคง มีรายได้จากการขาย 116,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดสุราของไทยและเมียนมา โดยในไทย ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจในเมียนมา แม้จะมีความท้าทายในการดำเนินงาน แต่บริษัทก็ปรับตัวได้อย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อช่วยลดผลกระทบจากราคาต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้น โดยธุรกิจสุราสามารถสร้างกำไรสุทธิได้อย่างมั่นคง เป็นจำนวน 21,902 ล้านบาท ในปี 2565

ในส่วนของธุรกิจเบียร์ บริษัทได้ประโยชน์จากการกลับมาบริโภคอาหารและเครื่องดื่มภายในร้านได้อีกครั้ง รวมถึงการกลับมาจัดกิจกรรมทางสังคม เช่น คอนเสิร์ตและงานกิจกรรมต่างๆ ในประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งช่วยสร้างโอกาสในการทำการตลาดได้เป็นอย่างดี

รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิต เพื่อตอบรับราคาต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ และการบริหารการขายเชิงลึกแบบเจาะรายพื้นที่ วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค ช่วยให้บริษัทเข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคได้ดีขึ้น และปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในส่วนของประเทศเวียดนาม บริษัทมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Bia Saigon ในฐานะความภาคภูมิใจของเวียดนาม และยังเดินหน้าบริหารจัดการต้นทุน ผ่านแผนงานซาเบโก้ 4.0 ซึ่งเป็นแผนการปรับปรุบระบบการบริหารและการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการดำเนินงานของบริษัท

ส่วนธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มีการฟื้นตัวในปีที่ผ่านมา จากปัจจัยการกลับมาบริโภคในร้านอาหารและความต้องการน้ำดื่ม เครื่องดื่มอัดลม และชาพร้อมดื่มที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาล จับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่

กลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัทมีการฟื้นตัวและเติบโตอย่างมาก ผลจากการอนุญาตให้กลับมาบริโภคอาหารในร้านได้อีกครั้ง บริษัทสร้างการรับรู้ตราสินค้าและการเข้าถึงผลิตภัณฑ์อาหารอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเร่งสร้างนวัตกรรมร้านอาหารและช่องทางขายอาหารรูปแบบใหม่ เพิ่มจำนวนสาขาในรูปแบบที่ใช้เงินลงทุนที่น้อยลง และเน้นการเปิดร้านใหม่นอกห้างสรรพสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ผนึกกำลังระหว่างธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในเครือ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เช่น การนำชาเขียวโออิชิและ SO Coffee เข้าไปจำหน่ายในร้านแฟรนไชส์ KFC ของบริษัท

 

 

สุราก้าวหน้าอาจเป็นคนละกลุ่ม

นายเอกราช ศรีศุภวิชากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจดิจิทัลและออนไลน์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า ในมุมมองนักวิเคราะห์นั้น ในด้านปัจจัยพื้นฐานของ Thaibev ต้องบอกว่ามีความแข็งแกร่งมาก โดยเห็นได้จากรายได้ของบริษัทที่มากถึง 2.7 แสนล้านบาท และมีอัตรากำไรที่สูงจากธุรกิจเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในไทยที่เติบโตได้ดี แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 แต่รายได้และกำไรของบริษัทยังมีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แม้ว่าทิศทางของราคาหุ้น Thaibev จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องสวนทางกับกำไรของบริษัทที่ยังเติบโตได้ ซึ่งในระยะสั้นมองว่าส่วนหนึ่งอาจเกิดจากแรงกดดันจากนโยบาย “สุราก้าวหน้า” เข้ามากระทบ แต่ในมุมมองส่วนตัวมองว่า ในระยะสั้นจะไม่กระทบกับผลการดำเนินงานของ Thaibev แต่อย่างใด เพราะในสุราก้าวหน้าจะเน้นในกลุ่มสุราชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะทาง เฉพาะพื้นที่ แต่ในมุมของ Thaibev จะเป็นตลาดที่แมสมากกว่า และครอบคลุมทั่วประเทศ

นอกจากนี้ หากดูในรายละเอียดจะพบว่ารายได้จาก Thaibev จะมาจากตลาดต่างประเทศมากถึง 30% มีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในตลาดเวียดนาม นอกจากนี้ Thaibev ยังขยายพอร์ตไปยังธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ ทั้งร้านอาหารมากขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบในระยะยาวได้

เตรียมนำ ธุรกิจสุรา สร้างประวัติศาสตร์หุ้นไอพีโอสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม ในปัจจัยสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับ Thaibev คือ การเตรียมนำบริษัทลูกในธุรกิจสุราเข้าตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นหัวหอกสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต โดยจากการประเมินจากสื่อต่างประเทศ คาดว่าจะมีการระดมทุนมูลค่าสูงที่สุดในประวัตศาสตร์ของตลาดหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาที่ต้องเลื่อนการเข้าระดมทุนหลายครั้ง แต่หากมีการเดินหน้าเข้าตลาดหุ้นจริง ก็อาจจะสร้างการเติบโตรอบใหม่ให้กับ Thaibev ได้.

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่