ผู้สื่อข่าวรายงานการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย โดนแรงขายถล่มกดดัชนีดิ่งร่วม 20 จุด รวม 3 วัน หลังเลือกตั้งร่วงกว่า 38 จุด ระเบิดลูกแรกจากความไม่ชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล นักลงทุนหวั่นเกิดสุญญากาศลากยาว ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกฯ ล่าช้า ขณะที่ระเบิดอีกลูกยิงตรงมาจากความกังวลเรื่องการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ โดยตลาดหุ้นไทยวันที่ 17 พ.ค.66 ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันก่อน ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,522.76 จุด ลดลง 17.10 จุดเพียง 3 วันทำการหลังการเลือกตั้ง ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแล้ว 38 จุด และยังไม่มีสัญญาณที่ดีขึ้น
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสินกล่าวว่า นักลงทุนยังคงติดตามพัฒนาการการเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง ทั้งท่าทีพรรคที่ได้รับเทียบเชิญร่วมรัฐบาล ภายใต้การนำของพรรคก้าวไกล และอุปสรรคการโหวตนายกรัฐมนตรี ที่นอกจากใช้จำนวนเสียงพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งตามแผนล่าสุดที่ราว 310 เสียงที่ยังต่ำกว่าเงื่อนไขการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต้องใช้เสียง 376 เสียง ซึ่งจำเป็นต้องขอเสียงโหวตจาก ส.ว.ด้วย ทำให้เกิดความไม่แน่ใจ ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นไทย และต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ยังมีประเด็นภายนอกประเทศคือการแก้ปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯที่กดดันบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก ซึ่งหากการเจรจาคืบหน้าไปด้วยดี อาจจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นสัปดาห์นี้ ทำให้กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ หากอิงภาพระยะกลาง ที่ประเทศไทยมีโอกาสได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มองเป็นแรงหนุนตลาดให้เดินหน้าสู่เป้าปีนี้ที่ 1,768 จุดได้ ทั้งนี้ อิง ERP เฉลี่ย 3.35% โดยยังให้ลงทุนหุ้นไทยน้ำหนัก 80% ด้านนายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากเรื่องการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯแล้ว การเมืองในประเทศไทยที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะไปทางไหน ปัจจัยการเมืองที่นักลงทุนกังวลคือ นโยบายของพรรคที่คาดว่าจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล จะมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนแน่นอนว่าพรรคไหนหรือขั้วไหนจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตนมองว่า ไม่ว่าขั้วไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาลและรู้ว่าใครเป็นนายกฯ หากมีความชัดเจน ตลาดจะตอบรับในเชิงบวก หุ้นขึ้นแน่นอน
ผู้บริหารระดับสูงในวงการหลักทรัพย์กล่าวว่า ท่าทีของ ส.ว.ส่วนใหญ่ดูไม่มีความเป็นมิตรต่อพรรคก้าวไกลจึงทำให้มีความกังวลว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ที่ถูกแต่งตั้งโดยอำนาจเก่าพรรครัฐบาลเดิม จะไม่โหวตให้ฝั่งพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย ทำให้การเมืองไทยอยู่ในช่วงสุญญากาศ ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม รวมทั้งตลาดหุ้น.