“ตั๋วเครื่องบินแพง” ดันกำไรสายการบินฟื้น โบรกเกอร์ชี้ AAV-BA น่าซื้อ

ราคาตั๋วเครื่องบินสูงยังคงเป็นปัญหาต่อผู้ที่ต้องการเดินทางโดยอากาศยาน แม้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ยังคงเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ชี้เหตุผลที่ราคาตั๋วทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง จากความต้องการของภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว และปริมาณผู้โดยสารเติบโตได้เร็ว ทำให้การให้บริการสายการบินไม่เพียงพอ อย่างไรก็ดีคาดทำให้ผลการดำเนินงานปกติของหุ้นกลุ่มสายการบินกลับมามีกำไรได้

Thairath Money รวบรวมข้อมูลจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) พบว่า มีโบรกเกอร์ให้ความเห็นต่อบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV จำนวน 12 ราย แบ่งเป็นแนะนำซื้อ 10 ราย และแนะนำขาย 2 ราย โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2566 สูงสุดที่ 3.80 บาทต่อหุ้น และต่ำสุด 2.40 บาทต่อหุ้น

และมีโบรกเกอร์ให้ความเห็นต่อบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA จำนวน 5 ราย แบ่งเป็นแนะนำซื้อ 3 ราย และแนะนำถือ 2 ราย โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2566 สูงที่สุดที่ 18.00 บาทต่อหุ้น และต่ำสุดที่ 13.64 บาทต่อหุ้น

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย ระบุว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมการบินในโลกในปีก่อน ถือว่าเห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่องหลังจากหลายๆ ประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ โดยทวีปที่มีการฟื้นตัวเร็วคือ ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่มีอัตราการเติบโตของปริมาณการขนส่งผู้โดยสารสูงที่สุด ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะยังเห็นการเติบโตได้อยู่ โดยประเมินว่าจำนวนผู้โดยสารเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ยุโรป และตะวันออกกลาง จะมีสัดส่วนอยู่ในระดับ 90% ได้แล้ว ส่วนภูมิภาคเอเชียต้องรอดูว่าหลังจากจีนเปิดประเทศจะช่วยเพิ่มการเดินทางระหว่างประเทศได้มากน้อยเพียงใด

จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวทำให้ BA ที่เป็นผู้ประกอบการที่มีเครือข่ายในการรับผู้โดยสารจากต่างประเทศเข้ามาต่อเส้นทางในประเทศ ทั้งในรูปแบบ Codeshare และ Interline ได้รับผลดีตามไปด้วย คาดหมายจำนวนผู้โดยสารในปีนี้ที่ระดับ 70-80% ของปี 2562 ที่มีผู้โดยสารรวม 5.9 ล้านคน หรือคิดเป็นระดับ 4.1-4.7 ล้านคน

นอกจากนี้ ปรับประมาณการปี 2566 ใหม่โดยคาดว่า BA จะพลิกมีกำไรสุทธิที่ 587 ล้านบาท จากที่คาดว่าจะขาดทุน 110 ล้านบาท โดยปรับจำนวนผู้โดยสารขึ้นเป็น 4.4 ล้านคน จากเดิม 4 ล้านคน และปรับค่าโดยสารเฉลี่ยขึ้นเป็น 3,300 บาท/คน/เที่ยวบิน จากเดิม 3,045 บาท/คน/เที่ยวบิน เนื่องจากปีก่อนมีค่าโดยสารเฉลี่ยสูงถึง 3,150 บาท/คน/เที่ยวบิน ทำให้มีรายได้รวมที่ 18,524 ล้านบาท หรือเติบโต 64% จากปีก่อน

ด้านแหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวดีขึ้นตามการท่องเที่ยว จากเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาบางส่วน ซึ่งหลักๆ มาจากประเทศจีนเริ่มทยอยปลดล็อกการเดินทางไปต่างประเทศปีนี้ คาดว่าจะเห็นปริมาณนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลัง ประกอบกับประเทศไทยมีการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน มองว่าราคาตั๋วเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจสายการบินยังทรงตัวในระดับสูงตั้งแต่ปลายปี 2565 ต่อเนื่องมาถึงช่วงไตรมาส 1/66 เป็นผลมาจากปริมาณผู้โดยสารฟื้นตัวได้ดี ตอบรับจากความต้องการเดินทางภาคการท่องเที่ยว ซึ่งสายการบินมี capacity ในการให้บริการไม่เพียงพอ ทำให้บริษัทสายการบินยังมีความสามารถในการคงระดับราคาตั๋วได้อยู่ โดยคาดการณ์ว่าไตรมาส 1/66 จะเห็นผลประกอบการของหลายบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานปกติได้

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เชื่อว่าอุตสาหกรรมของสายการบินจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้น รวมถึงจะมีสายการบินใหม่ๆ เปิดตัวเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับดีมานด์ที่เกิดขึ้น อาจทำให้ราคาตั๋วกลับมาสู่ระดับปกติหรือไม่

แหล่งข่าวฯ กล่าวอีกว่า สำหรับบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สายการบินไทยแอร์เอเชีย ปัจจุบันมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารอยู่ที่ราว 81% แม้ลดลงจากปีก่อนที่ราว 84% จากการขยายกำลังการให้บริการมากขึ้น แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 1,770 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 8,030 ล้านบาท

ส่วนบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ปัจจุบันมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารใกล้เคียงกับปีก่อนที่ราว 75% คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 จะทำได้ 1,121 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 2,110 ล้านบาท