ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พ.ค.นี้ บรรดาฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ต่างพากันออกบทวิเคราะห์หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ จากการใช้เงินหาเสียง รวมทั้งหุ้นกลุ่มทุนการเมือง และหุ้นที่มีความคาดหวังต่อการลงทุนในโครงการต่างๆของรัฐบาลใหม่
โดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า เม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย โดยหุ้นรายตัวที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ เช่น CPALL, MAKRO, BJC, OSP, CBG, SAWAD, MTC, TKS ส่วน บล.เอเซียพลัส มองไปถึงกลุ่มธุรกิจที่ได้ผลบวกจากนโยบายหาเสียง ที่ส่วนใหญ่เน้นการช่วยเหลือเรื่องปากท้องของประชาชน เป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม การเงิน ไฟแนนซ์ แบงก์ มีเดีย และอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มอื่นๆที่ได้กระแสเลือกตั้งเฉพาะบางพรรค และคาดหวังการลงทุนเพิ่มเติมจากนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลใหม่ โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น หุ้น BEC, PLANB, MAJOR, STEC, CK, MTC, SAWAD, JMT, THANI
ด้าน บล.หยวนต้า ประเมินว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจที่แต่ละพรรคการเมืองใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง เช่นนโยบายเพิ่มค่าแรง, เพิ่มวงเงินบัตรประชารัฐและผู้สูงอายุ, นโยบายส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งค้าปลีก ไฟแนนซ์ การแพทย์ อาหารเครื่องดื่ม อุปโภคบริโภค ประโยชน์ต่อหุ้นรายตัว เช่น GUNKUL, SSP, MTW, BIZ, EA, TASCO, WHA, AMATA, SCC ขณะที่ บล.ไอร่า มองนโยบายหาเสียงในการกระตุ้นการใช้จ่ายและนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกและหุ้นรับเหมาก่อสร้าง หุ้นเด่น เช่น CPALL, MAKRO, BJC, STEC, CK.