ปรับพอร์ตรับมือเศรษฐกิจถดถอย

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ปรับพอร์ตรับมือเศรษฐกิจถดถอย

Date Time: 17 ก.พ. 2566 05:33 น.

Summary

  • ปี 2566 หรือปีกระต่ายทอง หลายคนคาดหวังว่า เศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และไทยเปิดประเทศต้อนรับการท่องเที่ยว แต่เศรษฐกิจหลายประเทศส่งสัญญาณถดถอย

Latest

AOT จ่อคืนเงิน 193 ล้านบาท ให้ คิง เพาเวอร์ฯ หลังเรียกคืนพื้นที่ขยายอาคารฯ รับนักท่องเที่ยวเพิ่ม

ปี 2566 หรือปีกระต่ายทอง หลายคนคาดหวังว่า เศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และไทยเปิดประเทศต้อนรับการท่องเที่ยว แต่เศรษฐกิจหลายประเทศส่งสัญญาณถดถอย

การลงทุนปีนี้ นักลงทุนจึงต้องมีความรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น โดยล่าสุดเว็บ SETINVESTNOW ได้เผยแพร่บทความ “จัดพอร์ตลงทุนต้อนรับเศรษฐกิจถดถอย

โดยมองว่าปี 2566 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค “ดอกเบี้ยสูง เศรษฐกิจผันผวนมากขึ้น” โดยการเติบโตของเศรษฐกิจจะมีความแตกต่างกัน (Divergence) ระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา โดยเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วจะเกิดภาวะถดถอยอย่างอ่อนๆจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ทำจุดสูงสุดไปแล้วและกำลังเริ่มปรับลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่ลดลงในแต่ละประเทศไม่เท่ากัน

โดยประเทศพัฒนาแล้วยังจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราที่สูงกว่าประเทศกำลังพัฒนา ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผลที่ตามมา คือ ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปี

ดังนั้น ภาพรวมปีนี้น่าจะเป็นทั้งปีที่มี “ความหวัง” และ “ความจริง” โดยความหวังคือ “อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย” จะไม่ปรับขึ้นรุนแรง และ “การเปิดประเทศของจีน” จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ส่วนความจริงน่าจะเป็นผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและมาตรการต่างๆในช่วง COVID–19 ที่อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตในครึ่งแรกของปีและจะชะลอตัวในครึ่งปีหลังเพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้ส่งออกได้ลดลง การลงทุนภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐก็อ่อนแรงลง แต่ปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้คือการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน

ส่วนสินทรัพย์ที่น่าลงทุนปีนี้ มองว่า การลงทุนตราสารหนี้จะดีขึ้น ซึ่งจากสถิติปี 2523-2563 พบว่าตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายผ่านจุดสูงสุด โดยพันธบัตรรัฐบาลให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นกู้ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย คำแนะนำ คือ หากสนใจลงทุนหุ้นกู้ให้เน้นอันดับความน่าเชื่อถือระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) อายุ 3-5 ปี ส่วนพันธบัตรรัฐบาลก็สามารถลงทุนอายุยาวได้ เช่น 10 ปี

หุ้นไทยแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและเอเชียก็ได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเช่นกัน ขณะที่นโยบายการเงินที่ตึงตัวน้อยกว่าสหรัฐอเมริกาและยุโรป ดังนั้น ให้เน้นลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีนและหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภค!!

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจแบบง่ายๆ เพื่อจับทิศทางการลงทุนและค้นหาหุ้นเด็ด สามารถเข้าไปเรียนรู้ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Macro Analysis” ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ฟรี ลองไปเพิ่มพูนความรู้กันนะคะ!

คุณนายพารวย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ