BTG ดิ่งหนักมาร์เก็ตแคปวูบ1.4 หมื่นล้าน ต่ำสุดตั้งแต่ไอพีโอหุ้นรับกังวลราคาเนื้อสัตว์ดิ่งหนัก

หุ้นเบทาโกร เจอความท้าทายหนัก มูลค่าบริษัทวูบ 1.4 หมื่นล้านนับจากไอพีโอ แม้หุ้นใหญ่ช่วยเก็บก็ประคองไม่ไหว ด้านนักวิเคราะห์มองว่าผลกระทบจากราคาเนื้อสัตว์ร่วงแรง จับกำไรครึ่งปีแรกทรุดหรือไม่

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดราคาหุ้นอยู่ที่ 33.75 บาท ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ นับตั้งแต่บริษัทเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก ในวันที่ 2 พ.ย.2565 โดยมีราคาจองซื้อที่ 40.00 บาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ อยู่ที่ 77,392 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังจาก BTG เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในวันที่ 5 ม.ค.66 ราคาหุ้นอยู่ที่ 33.25 บาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 63,364.70 ล้านบาท เท่ากับว่า มูลค่าของบริษัท BTG ปรับตัวลดลงนับจากเข้าเทรดแล้ว 14,028 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้มีการเข้าซื้อหุ้นจำนวนมาก โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. รายงานว่า ในช่วงวันที่ 6 ธ.ค. รายงานการได้มา หุ้นของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) โดย บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา คิดเป็น 3.3698% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 36.8999% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มเนื้อสัตว์บกกำลังเผชิญกับปัจจัยกดดันอย่างหนัก จากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาอาหารสัตว์แม้จะปรับตัวลดลงแต่ก็ไม่ทันกับราคาเนื้อสัตว์ที่ลดลงแรงกว่า จึงเป็นปัจจัยกดดันให้กับหุ้นในกลุ่มนี้โดยเทขายอย่างหนัก
ทั้งนี้ในหุ้นของ BTG ในกลุ่มนักวิเคราะห์ มองเป็น 2 มุม คือ กลุ่มหนึ่งมองว่าในปี 2566 กำไรน่าจะเติบโตต่อเนื่อง และในอีกกลุ่มหนึ่งมองว่ากำไรจะลดลง ทั้งนี้นักลงทุนต้องกลับไปดูด้านกำไรที่เป็นปีปกติมากกว่า ทั้งนี้เชื่อว่าในช่วงกลางปี 2566 น่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้คำแนะนำ ซื้อในหุ้น BTG ที่ 45.00 บาท โดยมองว่า BTG เป็นผู้ผลิตอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยโดยมีประสบการณ์มากกว่า 50 ปี และมีแบรนด์สินค้าที่เป็นที่รู้จัก อาทิ Betagro, S-Pure, ITOHAM
  ทั้งนี้ คาดแนวโน้มกำไรปกติไตรมาสที่ 4 ปี 2565 เติบโตเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาหมูและไก่ที่สูงขึ้น ชดเชยราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด ประกอบกับปริมาณขายที่คาดเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้เราคาดกำไรปกติทั้งปี 2565 ที่ 7.49 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 711.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) ทำระดับสูงสุดใหม่

Our view :
  เรามีมุมมองกลางต่อแนวโน้มกำไรปี 2566 ของ BTG ที่คาดจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามแนวโน้มราคาหมูและไก่ ที่คาดจะลดลงจากอุปทานที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าราคาหมู และ ไก่ที่ปรับลงจะยังเป็นราคาระดับสูงเทียบกับปกติ ทำให้กำไรของ BTG จะยังเป็นระดับที่สูงเทียบในอดีต
  เราประเมินว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนความกังวลด้านผลประกอบการในปี 2566 และมี Downside risk ที่จำกัดแล้ว เราเริ่มต้นให้คำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเหมาะสม สิ้นปี 2566 ที่ 45.00 บาท