หุ้น KLINIQ ฟื้นแรง หลังผ่านมรสุม หมอเติ้ล KLINIQ เปิดใจกรณี 2 กรรมการลาออกกระทบหุ้นร่วง ชี้ อาจผิดจังหวะที่แจ้งข่าวพร้อมกัน ย้ำ บริษัทเข้าสู่โหมดเติบโต ชี้ หุ้นเก่าติดล็อก 100%
หุ้น KLINIQ หรือ บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) ถูกจับตาอย่างมากในช่วงที่เข้าทำการซื้อขาย ทั้งการอยู่ในธุรกิจด้านความงามเพียงแห่งเดียวในตลลาดหลักทรัพย์ มีการเติบโตที่สูงมาก และเข้าทำการซื้อขายในวันแรกด้วยราคาเปิดการซื้อขาย 36.00 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาจองซื้อ ที่ 24.50 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 24.50% ก่อนที่ในวันที่ 15 พ.ย. ราคาหุ้นลดลงจาก 36.00 บาท มาอยู่ที่ 33.25 บาท หรือลดลงในวันเดียว 14.74%
ท่ามกลางกระแสข่าวการลาออกของคณะกรรมการบริษัท 2 คน และรวมกันกว่า 1,108,000 หุ้น หรือมีมูลค่ารวมกันกว่า 44 ล้านบาท สร้างความสับสนกับนักลงทุนอย่างมาก ก่อนที่วันนี้ราคาหุ้นจะกลับมายืนในแดนบวกอีกครั้ง โดยปิดการซื้อขายที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.47%
นายอภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทเจอกับกระแสข่าวต่างๆ ทั้งการลาออกของคณะกรรมการ 2 ท่านพร้อมกัน ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล หนึ่งในกรรมการที่ลาออกคือ คุณพ่อของตน และเป็นการพูดคุยกันไว้ก่อนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai
“ที่ผ่านมาหุ้นของเรามีความกังวลใหญ่ๆ อยู่ 2 เรื่อง คือ การลาออกของคณะกรรมการ ซึ่งต้องบอกว่า คุณเฉลิมชัย ทองวัฒน์ ที่ลาออกไปนั้นคือ คุณพ่อ เราได้พูดคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า คุณพ่อจะเข้ามาช่วยก่อนที่บริษัทจะเข้าไอพีโอ และหลังจากเข้าเทรดก็จะปรับเปลี่ยน”
ส่วนคุณประทีป วาณิชย์ก่อกุล ท่านลาออกจากกรรมการบริษัทนั้น ต้องขอเรียนชี้แจงว่า คุณประทีปมีปัญหาด้านสุขภาพจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมาระหว่างที่เตรียมการเข้าไอพีโอ คุณประทีปทุ่มเททำงาน และหลังจากเข้าเทรดได้มีการพูดคุยกันว่า คุณประทีป จะขอโฟกัสในงานด้านการให้ข้อมูลกับนักลงทุนมากขึ้น จึงขอลาออกจากคณะกรรมการ แต่ยังคงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทต่อไป
ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้เกิดความกังวลในมุมของบริษัทมองว่า เป็นปัญหาจากการเลือกการประชุมและแจ้งเรื่องนี้พร้อมกัน ในมุมของเรามองว่า บริษัทการทำเรื่องนี้ต้องขอมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซึ่งมีค่าใช้จ่าย จึงได้รวบการลาออกของทั้ง 2 ท่าน และการพิจารณาด้านงบการเงินไ้ว้ในการประชุมบอร์ดครั้งเดียวกัน อาจทำให้นักลงทุนตกใจ ซึ่งในมุมของบริษัทนั้นยังมั่นคงและไม่ได้มีปัญหาอะไร
สำหรับแผนการเติบโตในอนาคตนั้น บริษัทวางแผนการเติบโตที่ชัดเจน โดยแบ่งเป็นเฟส ก่อนหน้านี้บริษัทอยู่ในเฟสของการเตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 2 ปี และหลังจากนี้จะเข้าสู่เฟสที่ 2 คือ การสร้างการเติบโตมั่งคงให้กับบริษัท ดังนั้นหลังจากนี้อาจจะมีการปรับเปลี่ยนทีมบริหาร หรือคณะกรรมการ ซึ่งอาจจะเป็นการแต่งตั้งเพิ่มเติม ดั้งนั้นไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตกใจ
แจงการขายหุ้นมาจาก IPO
ส่วนประเด็นที่ 2 การขายหุ้นของกลุ่มผู้บริหารบริษัทนั้น ต้องขอชี้แจงว่า การขายหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นที่มาจากการได้รับจัดสรรหุ้นไอพีโอ ที่ราคา 24.50 บาท เมื่อราคาหุ้นขึ้นมามากกว่า 50% ในบางช่วง ทำให้ผู้บริหารบางท่านได้ขายหุ้นออกมา ซึ่งเป็นมุมมองด้านการลงทุนของนักลงทุนแต่ละท่าน แต่ในส่วนของหุ้นเดิมนั้นบริษัทได้ล็อกหุ้น 100% และไม่มีการเทขายออกมาอย่างแน่นอน.