MORE ป่วนตลาดทำโบรกเกอร์รัดเข็มขัด หุ้นกลางเล็ก-วางมาร์จิ้นสูง เสี่ยงถูกเช็กบิล

เอฟเฟกต์หุ้น MORE ป่วนตลาด โบรกเกอร์ตั้งการ์ดสูง คุมมาร์จิ้น วงการคาดหุ้น MORE อาจโดนพักเกิน 1 สัปดาห์ อาจกระทบหุ้น 16 ตัว นักวิเคราะห์คาดกระทบความเชื่อมั่นระยะสั้น

ปรากฏการณ์ออเดอร์ขายปริศนา ณ ราคา ATO ที่เกิดขึ้นกับ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE กำลังถูกจับตาทั้งอย่างใกล้ชิดจากแวดวงนักลงทุน เพราะนอกจากผลกระทบจากโบรกเกอร์จากวงเงินที่มีการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์แล้ว โดยล่าสุด หลายโบรกเกอร์เริ่มเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์มากขึ้น ทั้งการออกประกาศลดจำนวนหุ้นที่มีการปล่อยกู้เงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลง รวมถึงบางโบรกเกอร์มีการปรับเพิ่มหลักประกันในบางหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย

แหล่งข่าวในวงการบริษัทหลักทรัพย์ ประเมินว่า ผลกระทบจากกรณีหุ้น MORE นั้นเชื่อว่าจะกระทบกับหุ้นในกลุ่มที่มีการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์สูงๆ ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะผู้ให้กู้เงินก็อาจจะเรียกหลักประกันเพิ่มขึ้น หรือจะลดวงเงินปล่อยสินเชื่อในหุ้นตัวนั้นลง ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้กู้เงิน

ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า ในช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีหุ้นที่มีเปอร์เซ็นต์ในการวางประกันต่อจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทหลักทรัพย์นั้น สูงกว่า 30% ประมาณ 16 หลักทรัพย์ และมีหุ้นที่มีจำนวนหุ้นถูกวางประกันไว้มากกว่า 50% ต่อหลักทรัพย์ ทั้งสิ้น 3 หลักทรัพย์ ส่งผลต่อราคาและความเชื่อมั่น ซึ่งในอนาคตหุ้นกลุ่มนี้ บริษัทหลักทรัพย์อาจปล่อยกู้ในสัดส่วนที่ลดลง หรือ เรียกหลักกันเพิ่มขึ้น ผลที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มนี้

สำหรับในกรณีของหุ้น MORE นั้นระยะเวลาของการถูกห้ามซื้อขายอาจจะมากกว่า 1 สัปดาห์ เพื่อใช้ในการพิสูจน์ความถูกต้องของการทำธุรกรรมดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้เมื่อขึ้นเป็นคดีความแล้วสิ่งที่ต้องติดตาม คือ มีใครที่เกี่ยวข้องในปัญหาที่เกิดขึ้นบ้าง และหากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถูกตั้งข้อสงสัย ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่นของหุ้นได้

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากกรณีของ MORE จะกระทบใน 3 กลุ่ม คือ 1 กลุ่มหุ้นที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MORE เกี่ยวข้อง หรือเข้าลงทุน เกิดการปรับตัวลดลง 2 หุ้นที่มีการใช้ปล่อยมาร์จิ้นสูงๆ จะได้รับผลกระทบจากโบรกเกอร์ที่อาจจะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และกลุ่มที่ 3 กลุ่มหุ้นเล็กเก็งกำไรสูงๆ นักลงทุนจะเลี่ยงลงทุนในหุ้นดังกล่าว

อย่างไรก็ตามในด้านความเชื่อมั่นผู้ลงทุน มองว่า จะกระทบในการเก็งกำไรในระยะสั้นเท่านั้น โดยนักลงทุนจะระมัดระวังในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน หรือมีราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรง มาหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้น