ไทยยูเนี่ยน หรือ TU ประกาศกำไรไตรมาส 3 ปี 2565 ทะลุ 2,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.7% สูงสุดในประวัติศาสตร์ เหตุธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าเติบโตก้าวกระโดด พร้อมเร่งก่อสร้าง 3 โรงงานใหม่ คาดเริ่มเดินเครื่องได้ ปี 2566
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 มีรายได้ 40,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีปัจจัยบวกสำคัญมาจาก ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าและอื่นๆ ที่เติบโตได้ดี จากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่สูง ราคาขายที่เพิ่มขึ้น และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมียอดขายอยู่ที่ 8,951 ล้านบาท เติบโต 55.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่ยอดขายจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นยังคงที่อยู่ในระดับใกล้เคียงจากปีที่แล้ว อยู่ที่ 14,820 ล้านบาท
ทั้งนี้ TU ได้ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 2,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นกำไรประจำไตรมาสที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้แรงหนุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้บริษัทยังมีการใช้นวัตกรรม และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม TU ยังมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท มีการสร้างโรงงานใหม่รวม 3 โรง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินงานได้ในปี 2566 ในส่วนนี้มีโรงงาน 2 โรงที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสตและคอลลาเจนเปปไทด์ และผลิตอาหารพร้อมทาน นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างห้องเย็นเพื่อจัดเก็บปลาทูน่า พร้อมด้วยโรงบำบัดน้ำเสียในประเทศกานา รวมถึงไทยยูเนี่ยนกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและขนมกินเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงในจังหวัดสมุทรสาคร