แอสเสท เวิรด์ คอร์ป ยิ้มท่องเที่ยวฟื้นดันกำไรไตรมาส 2/65 แตะ 776 ล้านบาท ครึ่งปีแรก 65 กำไร 1,422 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 65 นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้รวม 3,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.4% คิดเป็นกำไรสุทธิ 776 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างเด่นชัด โดยเป็นผลมาจากกลยุทธ์และการเตรียมพร้อมขององค์กรรับการเปิดประเทศที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยและมาตรการผ่อนคลายจากภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ นอกจากนี้กำไรที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลมาจากการเพิ่มมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินของบริษัทด้วยเช่นกัน
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 100% ใน 6 เดือนที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ และการเตรียมต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะโรงแรมกลุ่มลักซ์ชูรี ที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้บริการโรงแรมมากขึ้น และภาครัฐยังกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศด้วยแคมเปญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ห้องพักต่อห้องที่มีทั้งหมด (RevPAR) ในไตรมาส 2/2565 เติบโตขึ้น 302% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยมีราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (Average Daily Rate: ADR) ที่เพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืนที่เพิ่มขึ้นมาเกือบใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด นอกจากนี้การเติบโตของงานประชุมสัมมนาแบบก้าวกระโดดในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทำให้โรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนาของบริษัทฯ มีรายได้เติบโตถึง 407% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเช่นกัน
สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ประกอบไปด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและธุรกิจอาคารสำนักงาน (Retail & Commercial) สามารถกลับมาเติบโตได้ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากประชาชนเริ่มกลับเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าเพื่อจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น เช่น การเพิ่มขึ้นของลูกค้าเข้าพื้นที่ในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ในไตรมาส 2/2565 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงกว่า 220%
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการวางแผนพัฒนาเพื่อเสริมศักยภาพและยกระดับการบริการต่างๆ ให้ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคอยู่เสมอ โดยผสานความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ในเครือ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้บริษัทสามารถส่งเสริมการเติบโตได้เป็นอย่างดี สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคงด้วยการดึงดูดผู้เช่าใหม่ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจระดับโลกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
โดยมีภาพรวมอัตราค่าเช่าต่อตารางเมตรต่อเดือน (Average Rent Rate) ในไตรมาส 2/2565 สูงขึ้นร้อยละ 9.3 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2564 และยังสามารถรักษาผู้เช่ารายเดิมได้ถึงร้อยละ 96 ซึ่งเป็นผลมาจากอาคารคุณภาพเกรด A ที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ (CBD) และมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยของผู้เช่าในยุคดิจิทัลอยู่เสมอ
นอกจากนี้ AWC ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพเพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและช่วยเสริมศักยภาพให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยหลังมาตรการเปิดประเทศ ด้วยการเปิดโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงแรมจากเครือมีเลียแห่งแรกในภาคเหนือเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้จำนวนห้องพักทั้งหมดของบริษัท ในปัจจุบันรวมเป็น 5,201 ห้อง ซึ่งคิดเป็นการเติบโตถึง 61% จากจำนวนห้องพักก่อนเกิดการระบาดของโควิด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมากมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อาทิ การลงนามสัญญากับเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป เพื่อพัฒนาโรงแรม คิมป์ตัน หัวหิน รีสอร์ต การลงนามกับพันธมิตรจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าส่งของ เออีซี เทรดเซ็นเตอร์ รวมถึงการร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) กับหน่วยงานด้านการลงทุนระดับโลก เพื่อลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในประเทศไทยอีกด้วย.