ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ก.ค.65 ปิดที่ 1,546.80 จุด ลดลง 10.60 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 47,877.42 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 439.39 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 33.75 บาท ลบ 0.25 บาท, BDMS ปิด 27 บาท บวก 0.50 บาท, PTTEP ปิด 160 บาท ลบ 1.50 บาท, SCB ปิด 100 บาท ลบ 2 บาท, KBANK ปิด 146.50 บาท บวก 0.50 บาท
หุ้นไทยปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค ที่กังวลสหรัฐฯเร่งขึ้นดอกเบี้ยและโควิดในจีนกลับมาระบาดทำให้จีนอาจกลับมาล็อกดาวน์เมืองใหญ่อีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อสายการผลิตทั่วโลกท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง
หลังมีข่าว รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในงาน PROPERTY INSIDE 2022 ถึงมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) จะสิ้นสุดในปลายปีนี้ว่า คลัง เตรียมจะหารือกับ ธปท. และกระทรวงมหาดไทย ขยายเวลามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เช่น ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง 0.01% และอาจขยายฐานไปที่ผู้ซื้อบ้านราคาเกิน 3 ล้านบาทด้วย และการผ่อนปรนมาตรการ LTV ถือเป็นสัญญาณบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์
โดย บล.เอเซียพลัส ชี้ว่า การขยายเพดานลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง อัตรา 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยมูลค่าสูงกว่า 3 ล้านบาท แม้ไม่ได้สิทธิเต็มมูลค่าทั้งหมด แต่ถือว่าช่วยลดภาระให้ผู้ซื้อได้มากขึ้น สร้าง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ประกอบกับผลประกอบการที่จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง 65 มากกว่าครึ่งปีแรก 65
ขณะที่การปรับลงของราคาหุ้นในกลุ่ม ทำให้ Valuation ไม่แพง และ Div Yield จูงใจเกิน 5% ต่อปี ถือเป็นระดับมากพอที่ชนะเงินเฟ้อ จึงแนะนำเข้าลงทุนสะสม เลือกหุ้นเด่นที่มีพอร์ตกระจายตัว, Backlog สูง, Upside เกิน 15% และ Div Yield เกิน 5% ต่อปี คือ SPALI, AP และ ORI
ด้าน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) แนะนำ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น AP-LH-PSH-QH-SPALI-ORI-BRI ขณะที่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ชี้บวกต่อ AP และ LH ที่ชำนาญแนวราบ สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มชอบ ORI และ SPALI
ส่วน บล.บัวหลวง แนะนำสะสม Top Pick AP และ LH!!
อินเด็กซ์ 51