ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ เผยกำไรบจ.ไตรมาส 1/65 รวม 4 ล้านล้าน หุ้นกลุ่มธุรกิจบริการเติบโตดี
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 65 นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET กล่าว่า บริษัทจดทะเบียน หรือ บจ.จำนวน 764 บริษัท หรืดคิดเป็น 97.4% จากทั้งหมด 784 บริษัท รวม SET และ mai แต่ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ. ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC
โดยทั้งหมดนำส่งผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/65 สิ้นสุด 31 มี.ค. 65 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 571 บริษัท คิดเป็น 74.7% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/65 เทียบกับไตรมาส 1/64 บจ. ใน SET มียอดขาย 4,011,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% ต้นทุนการผลิต 3,108,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.2%
อย่างไรก็ดี บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 478,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6% ต้นทุนการผลิตที่ปรับขึ้นมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และธุรกิจประกันภัยที่มีการเคลมประกันโควิด ส่งผลให้กำไรสุทธิ 246,852 ล้านบาท ลดลง 1.7%
เนื่องจากมีรายการพิเศษ เช่น ผลขาดทุนสัญญาอนุพันธ์ ทั้งนี้ หากไม่รวมธุรกิจประกันภัย ภาพรวม บจ. จะมีกำไรสุทธิ 275,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% ทั้งนี้ บจ. มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลักและอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.93% และ 6.15% ตามลำดับ ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ 31 มี.ค. 65 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ระดับที่ 1.61 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.51 เท่า เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน
นายแมนพงศ์ กล่าวอีกว่า การผ่อนคลายมาตรการโควิดของประเทศไทยและต่างประเทศ ส่งผลดีต่อธุรกิจการบริการให้ฟื้นตัว เช่น หมวดธุรกิจการแพทย์ หมวดพาณิชย์ หมวดขนส่ง และหมวดธุรกิจท่องเที่ยว
ขณะที่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลต่อต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะเรื่องของวัตถุดิบ จึงส่งผลให้ภาพรวม บจ. มีอัตรากำไรลดลง และในอนาคตอันใกล้สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจของ บจ. อาจมีความท้าทายมากขึ้น ทั้งจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภณฑ์ที่อยู่ในระดับสูง ยังมีภาวะเงินเฟ้อ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai ไตรมาส 1/65 เทียบกับไตรมาส 1/64 มียอดขายรวม 48,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% ต้นทุนขาย 38,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% และกำไรจากการดำเนินงาน 2,498 ล้านบาท ลดลง 7.2%