กรุงไทย พร้อมให้เทรด Tencent DR หรือ TENCENT80 ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 DR เทรดด้วยสกุลเงินบาท ตัดปัญหาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 65 นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ล่าสุดเราได้เสนอขายตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR อ้างอิงหุ้นบริษัท เทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด จำกัด หรือ Tencent DR ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หรือ HKEX และเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อ IPO เมื่อวันที่ 18-21 เม.ย.65 ที่ผ่านมา โดยราคาเสนอขายหน่วยละ 14.62 บาท
ขณะนี้ ธนาคารได้นำ Tencent DR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว นักลงทุนที่สนใจ สามารถซื้อขาย Tencent DR ซึ่งใช้ชื่อย่อ TENCENT80 ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 65 เป็นต้นไป โดยนักลงทุนสามารถลงทุนผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอยู่ได้ทันทีผ่านบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่ง
สำหรับการลงทุนขั้นต่ำในตลาดรองเริ่มต้นเพียง 1 DR สามารถซื้อขาย DR ได้ต่อเนื่องตลอดวัน ไม่มีหยุดพักกลางวัน การซื้อขาย DR เป็นสกุลเงินบาท ตัดปัญหาเรื่องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ ทำให้การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
สำหรับ Tencent DR ถือเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ดำเนินธุรกิจให้บริการทางด้านการสื่อสารเป็นหลัก เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ของจีนอย่างวีแชต หรือ WeChat มีบริการครอบคลุมกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีฟินเทค อย่าง WeChat Pay ที่มียอดธุรกรรมกว่าพันล้านธุรกรรมต่อวัน
รวมถึงการเป็นบริษัทเกมระดับโลกอย่าง RoV, Clash of Clans และ PUBG โดย Tencent เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่มีการวัดผลการดำเนินงานและผ่านเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เป็นการเน้นย้ำถึงพันธกิจหลักของธนาคารในการให้ความสำคัญการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
นายรวินทร์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการเติบโตในอนาคต Tencent ยังมีการลงทุนและพัฒนาธุรกิจอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจ cloud platform และมีพอร์ตลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Meituan, Sea, JD, Pinduoduo ส่งผลให้ Tencent ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลก โดย Tencent มีปริมาณการซื้อขายหุ้น (Turnover) สูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (ข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย. 65) ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์นักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี