บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมมาแรง ศุภาลัย โชว์ยอดขายแนวราบไตรมาส 1/65 สูงถึง 6,328 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 65 นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1/65 ที่ผ่านมา ยอดขายสินค้าแนวราบในกลุ่มสินค้า เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดของศุภาลัย เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยทำยอดขาย New High ครั้งใหม่มากถึง 6,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 ที่ผ่านมา
สำหรับทำเลยอดนิยมที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายแนวราบดีเยี่ยมในลำดับต้นๆ คือ กรุงเทพฯ โซนเหนือและตะวันออก รวมถึงในจังหวัดชลบุรี ระยอง และภูเก็ต อีกทั้งคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ยังสามารถทำยอดขายอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 2,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 และเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทมียอดขายรวมใน 1/65 อยู่ที่ 8,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับยอดขายรวมในไตรมาส 1/64 ซึ่งอยู่ที่ 7,229 ล้านบาท โดยช่วง 3 เดือนแรก บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่แล้ว ทั้งหมด 6 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 11,010 ล้านบาท
"ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาด้านกลยุทธ์การขาย เพิ่มสินค้าใหม่ สร้างความแตกต่าง การบริหารจัดการให้มีสินค้าพร้อมขาย รวมถึงการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนให้ตัวเลขยอดขายพุ่งแรง ทั้งเรื่องความต้องการที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคาของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะตลาดระดับกลาง ราคา 4 - 6 ล้านบาท ตลาดระดับบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของลูกค้าเริ่มฟื้นตัว ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 64"
นายไตรเตชะ กล่าวอีกว่า สำหรับไตรมาส 2/65 นี้บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวม 7 โครงการ มูลค่า 9,700 ล้านบาท จากยอดขายสินค้าแนวราบที่ดีในช่วงไตรมาสแรกจึงมีแผนโฟกัสเปิดตัวโครงการแนวราบมากขึ้นถึง 6 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 8,700 ล้านบาท พร้อมไฮไลต์ที่น่าสนใจเปิดตัวโครงการแนวราบแบรนด์ใหม่ระดับ Luxury และโครงการคอนโดมิเนียม
โดยตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Gen Y ในทำเลย่านฝั่งธนฯ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท อีกทั้งมั่นใจปี 2565 โครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ 7 โครงการ สามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตามแผน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายยอดขาย 28,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 29,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำได้เกินจากเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 และช่วงครึ่งปีหลัง 2565 มองว่าเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะเติบโตและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งในด้านดีมานด์กลุ่มลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่ออยู่ในระดับต่ำ รวมถึงซัพพลายการเปิดตัวของสินค้าใหม่แนวราบยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ส่วนคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ยังเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าตลาดระดับกลางถึงบน พร้อมอัดแคมเปญและโปรโมชันที่น่าสนใจให้เข้าถึงลูกค้าที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยกันอย่างคึกคัก
โดยปี 2565 ยังเป็นปีที่ท้าทายและเป็นปีที่ดีต่อเนื่อง สำหรับบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ พร้อมปรับตัวก้าวผ่านทุกสถานการณ์ รวมทั้งสร้างสรรค์สินค้าและนวัตกรรมต่างๆ การบริการอย่างครบวงจร เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่อไป