CRC เผยไตรมาส 4/64 มีรายได้ 58,765 ล้าน เตรียมจ่ายปันผล 0.30 บาท

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

CRC เผยไตรมาส 4/64 มีรายได้ 58,765 ล้าน เตรียมจ่ายปันผล 0.30 บาท

Date Time: 28 ก.พ. 2565 18:02 น.

Video

เศรษฐกิจไทย เสี่ยงวิกฤติหนักแค่ไหน เมื่อต้องเปลี่ยนนายกฯ | Money Issue

Summary

  • เซ็นทรัล รีเทล ผลประกอบการไตรมาส 4/64 ทุบสถิติสูงสุด พลิกทั้งปีกลับมามีกำไร เตรียมจ่ายเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น

เซ็นทรัล รีเทล ผลประกอบการไตรมาส 4/64 ทุบสถิติสูงสุดพลิกทั้งปีกลับมามีกำไร เตรียมจ่ายเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 65 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4/64 บริษัทมีรายได้ 58,765 ล้านบาท บวก 15% EBITDA 8,031 ล้านบาท บวก 42% กำไรสุทธิ 2,464 ล้านบาท บวก 124% ทำให้สามารถปิดปี 2564 ด้วยการพลิกมีกำไรสุทธิ 277 ล้านบาท EBITDA 20,059 ล้านบาท จากรายได้รวมทั้งสิ้น 195,654 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญภาวะการระบาดของ COVID-19 เป็นระยะเวลายาวนานพร้อมๆ กันทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี แต่เซ็นทรัล รีเทล ก็ยังบริหารธุรกิจจนมีผลกำไรและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยการจ่ายเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ยอดขายปี 64 ของประเทศไทยที่ไม่รวมนักท่องเที่ยวต่างชาติ แซงหน้ายอดขายก่อนช่วงเกิดโควิด-19 โดยความสำเร็จนี้เกิดมาจากการที่เซ็นทรัล รีเทล มีแพลตฟอร์ม Multi-Category จึงทำให้สามารถปรับเปลี่ยน portfolio ให้ทันกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยมุ่งโฟกัสที่กลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ของผู้บริโภค จึงทำให้กลุ่มนี้มีการเติบโตเป็นอย่างมาก

ในส่วนยอดขายสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กว่า 26% มีการขยายสาขาไทวัสดุรวม 5 สาขา และเปิดร้านค้ารูปแบบใหม่ภายใต้ go! WOW 15 สาขาภายในเวลาเพียง 3 เดือนในปี 2564 ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ตอกย้ำการเป็นผู้นำบนแพลตฟอร์ม Omnichannel Home Improvement

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังประสบความสำเร็จในการควบรวมกิจการของ COL ที่ประกอบไปด้วย OfficeMate, B2S และ จะนำ ธุรกิจ MEB ลีดเดอร์ในธุรกิจ E-Book และเว็บไซต์อ่านนิยายของไทยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ 2565

สำหรับ กลุ่มธุรกิจฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล ยังตอกย้ำการเป็นเบอร์หนึ่งของ The Best Food Destination ในประเทศไทย ด้วยการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปี 2564 เปิด 46 สาขา และเรายังได้ตรึงราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงไตรมาส 1 ปีนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประชาชนอีกด้วย สำหรับกลุ่มธุรกิจแฟชั่น เราสามารถผลักดัน และทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตได้อย่างสูงสุดในไตรมาส 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาและยังคงมีโมเมนตัมดีมากจนถึงปัจจุบัน

ส่วนประเทศเวียดนามแม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดเป็นอย่างมากแต่เซ็นทรัล รีเทลยังคงมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการรีโนเวทและขยายสาขา ตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ต และ ไลฟ์สไตล์ มอลล์ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ทั้งยังขยายไปในตลาดฟู้ด

โดยการเปิดมอลล์ฟอร์แมตใหม่ mini go! ที่เจาะกลุ่มลูกค้า Mass และได้เปิด Tops Market เพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าในประเทศเวียดนาม แม้เวียดนามประสบปัญหาจากโควิดทำให้สาขาต้องปิดทั้งในไตรมาส 2 และ 3 เซ็นทรัล รีเทล ยังสามารถทำยอดขายในเวียดนามโตกว่าช่วงก่อนโควิดมากกว่า 8% และ EBITDA มีการเติบโตประมาณ 9% จากปีที่แล้ว

ขณะที่ประเทศอิตาลี มีการปรับปรุงห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต หรือ Rinascente ที่เป็นสาขาเรือธง 3 สาขา คือ มิลาน ฟลอเรนซ์ และโรม โดยใช้ช่วงที่ประเทศอิตาลีมีการล็อกดาวน์และปรับปรุงเสร็จทันช่วงที่เปิดประเทศเมื่อกลางปี 2564 จึงส่งผลให้มีผลประกอบการและจำนวนลูกค้าเติบโตดีต่อเนื่อง

เนื่องจากได้กำลังซื้อจากผู้จับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวจากยุโรปกลับมา ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 4 กลับมาเทียบเท่า 99% ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ยอดขายทั้งปีของประเทศอิตาลีฟื้นตัวแรงโตได้ประมาณ 30% จากปีที่ผ่านมา และ EBITDA โตกว่า 4 เท่า จากปีที่แล้ว

ส่วนพร็อพเพอร์ตี้ มีการขยายและปรับปรุงสาขาทั้งในไทยและเวียดนาม โดยมีการเปิด GO! ไลฟ์สไตล์ มอลล์ ในเวียดนาม และศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ในไทยรวมทั้งสิ้น 6 สาขา สำหรับศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ยังคงรักษาระดับ Occupancy Rate ได้มากกว่า 90% และจำนวนลูกค้าที่เข้าศูนย์การค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปี 2564 เซ็นทรัล รีเทล มีศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ GO! ไลฟ์สไตล์ มอลล์ รวมทั้งสิ้น 69 สาขา และมีพื้นที่เช่ากว่า 650,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา

สำหรับเทคโนโลยีและดิจิทัล เซ็นทรัล รีเทล ได้ยกระดับองค์กรและบุคลากรในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีโดยมีการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้เป็น Digital-First Culture และพัฒนา Omnichannel Platform ให้สมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำในแพลตฟอร์ม Omnichannel

ทั้งนี้ ทำให้ยอดขายผ่านแพลตฟอร์มนี้มีสัดส่วน 20% ของยอดขายทั้งหมด และเติบโต 109% อีกทั้งยังมีการพัฒนา CRC Data Ecosystem และพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ ให้กับทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตอกย้ำการเป็นผู้นำค้าปลีกแห่งอนาคต

นายญนน์ กล่าวอีกว่า ในปี 64 นับว่าเป็นปีของการทดสอบความแข็งแกร่งของ เซ็นทรัล รีเทล ที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก แต่เราก็สามารถกลับมาพลิกฟื้นธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่าการปรับตัวอย่างรวดเร็วของอค์กรและบุคลากรสามารถทำให้ เซ็นทรัล รีเทล ก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหลายซึ่งผมต้องขอขอบคุณ ลูกค้า คู่ค้า และพนักงานทุกคนของเราที่ร่วมภารกิจนำพาองค์กรให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

จากนี้ไปเราพร้อมเร่งเครื่องเดินหน้ากลยุทธ์ CRC Retailligence อย่างเต็มรูปแบบในการยกระดับเเพลตฟอร์มออมนิแชนแนลโดยใช้เทคโนโลยี เเละดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเร่งการขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตในกลุ่มธุรกิจหลักทั้งในประเทศ เเละต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับสากล และสร้างธุรกิจใหม่ตามเทรนด์ของโลกเเละความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนขยายธุรกิจภายใต้เเนวคิด Inclusive Growth สร้างความสำเร็จร่วมกันกับพาร์ตเนอร์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ