TIDLOR โชว์กำไรสุทธิปี 64 แตะ 3,169 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อ และนายหน้าประกันภัยเติบโตตามคาด คุมดี NPL ต่ำ บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลทั้งเงินสดและหุ้นปันผล
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 65 นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 64 บริษัททำกำไรสุทธิ 3,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อนหน้า ในส่วนของพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถขยายตัวต่อเนื่องเติบโตที่ 20% ในปีที่ผ่านมา แตะ 61,500 ล้านบาท
ค่าเบี้ยประกันวินาศภัยรวม 5,220 ล้านบาท เติบโตกว่า 30% จากปี 63 และคงอันดับ 2 ของนายหน้าประกันวินาศภัยที่มุ่งเน้นรายย่อย โดยบริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการให้บริการบัตรติดล้อเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สามารถกดเงินสดตามวงเงินที่ได้รับจากตู้เอทีเอ็มธนาคารพาณิชย์ชั้นนำทั่วประเทศเกือบ 40,000 ตู้
โดย ณ สิ้นไตรมาส 4/64 ได้ออกบัตรติดล้อไปแล้วเกือบ 300,000 ใบ รวมถึงการมีช่องทางให้บริการแก่ลูกค้าที่หลากหลาย หรือ Omni-Channel ทั้งแพลตฟอร์มดิจิทัลและสาขา ซึ่ง ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีสาขาเปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 1,286 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มี 1,076 สาขา
สำหรับไตรมาส 4/64 พอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ขยายตัวสูงถึง 9% จากไตรมาส 3 ในขณะที่ค่าเบี้ยประกันวินาศภัยเติบโตสูงถึง 60% จากไตรมาสก่อนหน้าเช่นเดียวกัน โดยพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 61,500 ล้านบาท มาจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อเสริมสภาพคล่องและเตรียมความพร้อมขยายธุรกิจเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดีจากการให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระประกันภัยรถ 0% ด้วยเงินสด เป็นระยะเวลาสูงสุด 10 งวด จากเดิม 6 งวด และให้ความคุ้มครองทันทีเมื่อเริ่มจ่ายประกันงวดแรก
นอกจากนี้ ต้นทุนทางการเงินปรับลดลง หลังจากบริษัทฯ ได้รับการเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เป็นระดับ A แนวโน้มคงที่หรือ Stable เมื่อเดือนพ.ค.ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ดำเนินนโยบายพิจารณาสินเชื่ออย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านเครดิต (Credit Cost) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่สามารถรักษาอัตรา NPL ให้อยู่ในระดับต่ำและลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 1.19% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 1.41% โดยอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 357%
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 65 จึงมีมติเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 0.559 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.274 บาทและจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทในอัตรา 13 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 0.285 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ ในกรณีมีที่ผู้ถือหุ้นรายใดมีเศษของหุ้นเดิมหลังการจัดสรรหุ้นปันผลแล้วให้จ่ายเป็นเงินสดแทนการจ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.285 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 29 เม.ย. 65 นี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พ.ค. 2565 หลังจากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเป็นที่เรียบร้อย
นายปิยะศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถคาดว่าจะมีอัตราเติบโตที่ดีกว่าปีก่อน ในขณะที่ความต้องการซื้อประกันภัยมีแนวโน้มดีขึ้นจากปี 2564 หลังจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง
รวมถึงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจและซื้อประกันภัยเพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
บริษัทฯ จึงวางเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 300 แห่งเพื่อเพิ่มช่องทางเข้าถึงการให้บริการแก่ลูกค้า และมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้บริการแก่ลูกค้า.