เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เผยรายได้ในไตรมาส 3/64 พุ่งแตะ 1.42 พันล้านบาท เติบโตกว่า 77% จากไตรมาสที่ 2 รับปัจจัยไฮซีซั่นของสหราชอาณาจักร
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 1,422 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 77% เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนงวด 9 เดือนของปี 64รายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 2,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 3/64 นั้นภาคการท่องเที่ยวในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี หลังจากเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเอเชียใต้ โดยรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ของพอร์ตโรงแรมในโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ ถึง 57% กอปรกับ โรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต ได้รับผลตอบรับที่ดีจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเพิ่มสูงขึ้นถึง 36% สูงที่สุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของผลการดำเนินงานพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร สืบเนื่องจากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาส 3 รวมถึงการยกเลิกมาตรการปิดเมืองทั้งหมด อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลาย และอัตราการได้รับวัคซีนในประชากรที่สูง หนุนให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักมากขึ้น โดยจะเป็นความต้องการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก
โดยเป็นกลุ่มลูกค้าเดียวกันกับพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักรของ SHR ที่โรงแรมส่วนใหญ่เป็นโรงแรมตั้งอยู่ตามภูมิภาค และไม่ได้พึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากนัก โดยอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) ของพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักรในไตรมาส 3 ปีนี้ กลับมาสูงกว่า ADR ช่วงก่อนโควิด-19 แล้วประมาณ 10% ผลักดันให้รายได้พอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักรเติบโตเกินคาด
รวมถึง เป็นแรงส่งสำคัญที่หนุนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA จากการดำเนินงานปกติของ SHR ในไตรมาส 3 พลิกกลับมาเป็นกำไรได้ที่ 252.5 ล้านบาท เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส นับตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด-19 ตอกย้ำภาพความสำเร็จของกลยุทธ์การเข้าลงทุนในพอร์ตโรงแรม สหราชอาณาจักร ทั้งนี้ SHR ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตโรงแรมสหราชอาณาจักร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการทำกำไร พร้อมขับเคลื่อนการฟื้นตัวของธุรกิจให้กลับมาอย่างแข็งแกร่งหลังโควิด-19 และความชัดเจนของเบร็กซิต (Brexit) ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวม
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีนี้ SHR เชื่อมั่นว่า จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากพอร์ตโรงแรมในโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ด้วยทำเลซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติหลัก ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีทางเรือสปีดเฟอร์รี่ ต่างจากโรงแรมอื่นๆ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางนาน หรือต้องต่อเครื่องบินโดยสารในประเทศ อีกทั้งโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เป็นโครงการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนครบวงจรแห่งแรก และแห่งเดียวในมัลดีฟส์ ซึ่งมีความหลากหลายในการต้อนรับลูกค้าหลายกลุ่ม ไม่ได้จำกัดแค่เพียงกลุ่มคู่รัก ฮันนีมูน เท่านั้น
โดยฤดูกาลท่องเที่ยวในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีพฤติกรรมการเข้าพักยาวกว่า และอ่อนไหวต่อราคาน้อยกว่า ส่งผลดีต่อ ADR และ RevPAR นอกจากนี้ SHR คาดว่า โรงแรมในพอร์ต เกือบทั้งหมดจะกลับมาเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งสอดคล้องกับการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ด้านการเดินทางในหลายประเทศทั่วโลก
สำหรับการเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาของ โรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort หลังจากปิดให้บริการเกือบ 1 ปีเนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy) ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งที่ 40% พร้อมโมเมนตัมดีต่อเนื่องตลอดฤดูกาลท่องเที่ยว เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าประจำที่เดินทางกลับมาเยือนอีกครั้ง บริษัทฯ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการฟื้นตัวของผลประกอบการของโรงแรมดังกล่าวจะเป็นไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับพอร์ตโรงแรมในโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์
ส่วนโรงแรมในประเทศอื่นๆ ที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามการกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ ทั้งนี้พอร์ตโรงแรมในประเทศไทยของบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และความต้องการท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ จากทางภาครัฐ เช่น โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 รวมถึงการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนแผนการเปิดประเทศของสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ ภาคท่องเที่ยวเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว
เมื่อสายการบินหลายแห่งจะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางการบินตรงจากออสเตรเลียสู่ฟิจิ ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ถือเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของพอร์ตโรงแรมฟิจิของบริษัทฯ ทั้งนี้ SHR คาดหวังว่า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ ภายหลังจากการเปิดประเทศ จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันกับ สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐมัลดีฟส์ และสาธารณรัฐมอริเชียส
"เรามั่นใจ รายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่ 4.5 พันล้านบาท ด้วยโมเมนตัมการท่องเที่ยวฟื้นตัวช่วงปลายปีจากไฮซีซั่นและมาตรการเปิดประเทศ โดยเรายังคงเดินหน้าตามแผนการเติบโตในระยะยาว ด้วยกลยุทธ์การจัดการรายได้และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงสินทรัพย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร ซึ่งเรายังมีความสามารถในการหาเงินทุนเพื่อรองรับการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต"