ล็อกดาวน์โควิด ปิดห้างนาน 51 วันทำรายได้ และกำไรไตรมาส 3/64 ของเซ็นทรัล รีเทล หดหาย คาดไตรมาส 4 จะกลับมาดีเหมือนเดิม พร้อมทรานส์ฟอร์มองค์กรเป็น Digital First และ Omni-Centric Retailer
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 64 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า สำหรับไตรมาสที่ 3/64 ถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดของทุกองค์กร แต่เซ็นทรัล รีเทล ก็ยังสามารถเดินหน้าธุรกิจ และก้าวผ่านวิกฤติมาได้อย่างแข็งแกร่ง และยืดหยุ่น โดยมีแพลตฟอร์มออมนิแชแนลเป็นอาวุธหลักที่ทำให้ลูกค้ายังคงสามารถจับจ่ายได้อย่างสะดวกสบายและได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ห้างร้านในเครือในประเทศไทยถูกปิดไปกว่า 51 วัน และในประเทศเวียดนามถูกปิดไปเกือบทั้งไตรมาสจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3/64 ของเซ็นทรัล รีเทล มีรายได้รวม 41,482 ล้านบาท ลดลง 10.6% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 63
ส่วน EBITDA 2,541 ล้านบาท ลดลง 37.8% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 63 สำหรับในปีนี้เราก็ยังมีการขยาย และปรับปรุงแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้าซื้อกิจการต่างๆ และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในศูนย์การค้าฯ ซึ่งมีผลกระทบต่อกำไรชั่วคราวในไตรมาส 3/64 ทำให้ขาดทุนสุทธิ 2,220 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เซ็นทรัล รีเทล ได้ทรานส์ฟอร์มองค์กรมาอย่างแข็งแกร่งและรวดเร็ว ด้วยวิสัยทัศน์และการดำเนินงานที่มีทิศทางชัดเจน ทำให้เกิดขึ้นได้จริง และประสบผลสำเร็จ ภายใต้สถานการณ์วิกฤติที่ท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะโควิด-19 ที่เราสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส (Perfect storm, Perfect Opportunity) โดยนับจากนี้ยาวไปจนถึงปีหน้า เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะมีโมเมนตัมที่ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังเห็นสัญญาณบวกจากการเปิดประเทศ
โดยผลตอบรับที่ดีมากของลูกค้าที่กลับมาใช้บริการในห้างร้านของเรา บนมาตรการความสะอาดและปลอดภัยที่เข้มข้นยกระดับ โดยเห็นได้จากบรรยากาศการช็อปปิ้งที่คึกคักต้อนรับช่วงไฮซีซั่น และทราฟฟิกที่กลับมาอย่างรวดเร็วกว่าที่คาด ขณะเดียวกันเซ็นทรัล รีเทล ยังเตรียมแผนเดินหน้าขยายตลาดเต็มที่ ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี พร้อมปักธงสู่การเป็น ดิจิทัล รีเทล ระดับโลก ภายในปี 2568
นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้ปรับองค์กรครั้งใหญ่ และระบบการทำงานเป็น Omni-Centric พร้อมเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำงานเป็นแบบ Digital First ในทุกมิติของการทำธุรกิจ ทำให้เราสามารถทรานส์ฟอร์มองค์กรเป็นดิจิทัล รีเทล หรือ Digital Retail ได้สำเร็จ ปูพรมแพลตฟอร์มออมนิแชแนลครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจในทั้ง 3 ประเทศ ส่งผลให้องค์กรของเรามีความแข็งแกร่ง สามารถก้าวข้ามทุกความท้าทาย พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ความสำเร็จอีกด้วย เช่น
- พัฒนาระบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ในการนำธุรกิจในเครือทั้งหมด 14 ธุรกิจ ขึ้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์สำเร็จ ในระยะเวลาสั้นๆ เพียง 17 เดือนเท่านั้น
- ภายในเวลาไม่ถึงปี มียอดดาวน์โหลด Central App ทะลุเกือบ 4 ล้านราย
- ยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชแนลเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยปัจจุบันยอดขายผ่านออมนิแชแนลเป็นสัดส่วนถึง 20% ของยอดขายรวมทั้งหมด
- จำนวนลูกค้าผ่านช่องทางออมนิแชแนลเพิ่มขึ้นกว่า 600% เมื่อเทียบกับปีก่อน และลูกค้าออมนิแชแนลมียอดใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าที่ซื้อผ่านช่องทางเดียวถึง 5 เท่า
- สร้างมาตรฐานใหม่ของความสะดวกสบายเหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า ด้วยบริการ Quick Commerce ที่สามารถส่งถึงบ้านลูกค้าได้ภายใน 1 ชั่วโมง
- มีการขยายพื้นที่ และปรับปรุงแพลตฟอร์มออฟไลน์ทั้งหมดกว่า 3.2 ล้านตารางเมตร ใน 3 ประเทศ ให้เป็น Omni-Lifestyle store เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการช็อปปิ้งของลูกค้าอีกด้วย.