กลุ่มทิสโก้ แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 1,560 ล้านบาท ชะลอตัวลง 6.3% จากไตรมาส 2/64 หลังโควิด-19 ระบาดใหม่ และปิดเมือง
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 64 นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ หรือ TISCO กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/64 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 1,560 ล้านบาท ลดลง 6.3% จากไตรมาส 2 สาเหตุจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 และมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ธุรกิจชะลอตัวลง แต่การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง
แต่จากความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างดี ในขณะที่สถานการณ์การระบาดเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน และการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ ทั้งนี้ ระดับเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ Loan Loss Coverage Ratio ยังคงแข็งแกร่งที่ 196.5%
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและมาตรการปิดเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการแก้หนี้ให้ตรงจุดและยั่งยืน เพิ่มเติมจากการช่วยเหลือเป็นการทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าเช่าซื้อและจำนำทะเบียนรถยนต์ โดยเปิดโครงการพิเศษคืนรถจบหนี้
สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรง และไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ โดยตลอดทั้งโครงการมีผู้สนใจเข้าร่วมทั้งสิ้นกว่า 3,000 ราย ขณะเดียวกัน ยังเปิดตัวโครงการคุ้มคาร์ ขายรถปิดหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องขายรถหรือต้องการส่งต่อรถให้กับเจ้าของใหม่ สามารถนำรถยนต์มาประกาศขายผ่านเว็บไซต์ TaladRod.com โดยเปิดให้ลูกค้าที่สนใจลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค. 64
อย่างไรก็ตาม หากมองไปในระยะข้างหน้า แม้จะเห็นสัญญาณบวกของสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่เริ่มดีขึ้นจากการเข้าถึงวัคซีนที่มากขึ้น และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวในเดือนพฤศจิกายน แต่บริษัทจะยังคงให้ความสำคัญกับนโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบระมัดระวังและเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน นั่นหมายถึงความทุ่มเทในการให้บริการ ความพอดีในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ การให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างตรงกลุ่มและแก้ปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จ ควบคู่กับการแสวงหาโอกาสการเติบโตใหม่ในกลุ่มที่เป็น Growth Engine อาทิ การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่ดี (TISCO Advisory) การสนับสนุนเงินให้สินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) เพื่อตอบสนองแนวคิด Green Economy ของทางภาครัฐ
รวมถึงการขยายการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถบรรทุกเพื่อเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ ผู้ประกอบการรายย่อย และการพัฒนาธุรกิจ Freedom Platform เพื่อช่วยลูกค้ากลุ่มพนักงานรายได้ประจำในการวางแผนทางการเงินและแก้ไขหนี้ เป็นต้น โดยมุ่งเน้นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับเป็นตัวตั้ง รวมถึงการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้มากขึ้น
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 64 กำไรสุทธิมีจำนวน 4,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจตลาดทุนที่เติบโต และการรับรู้กำไรจากเงินลงทุน โดยรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 5.8% เป็นผลมาจากปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และการออกกองทุนใหม่ที่ตอบรับความต้องการของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังคงอ่อนตัว โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 10.1% จากสินเชื่อที่ชะลอตัว และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ยังอ่อนตัวลงจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยเป็นหลัก บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROE) งวด 9 เดือนแรกอยู่ที่ 16.9%