MAKRO เตรียมขอมติผู้ถือหุ้นรับโอนกิจการ Lotus's วันที่ 12 ต.ค. 64 นี้

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

MAKRO เตรียมขอมติผู้ถือหุ้นรับโอนกิจการ Lotus's วันที่ 12 ต.ค. 64 นี้

Date Time: 28 ก.ย. 2564 12:22 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • แม็คโคร เตรียมขอมติผู้ถือหุ้น รับโอนกิจการกลุ่ม Lotus's วันที่ 12 ต.ค. 64 นี้ มั่นใจดีลนี้จะช่วยสร้างโอกาสให้ SMEs ไทยเติบโตในต่างประเทศ พร้อมชูแพลตฟอร์ม O2O

แม็คโคร เตรียมขอมติผู้ถือหุ้น รับโอนกิจการกลุ่ม Lotus's วันที่ 12 ต.ค. 64 นี้ มั่นใจดีลนี้จะช่วยสร้างโอกาสให้ SMEs ไทยเติบโตในต่างประเทศ พร้อมชูแพลตฟอร์ม O2O และอีคอมเมิร์ซ ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 64 นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร หรือ MAKRO กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ ในไทยและมาเลเซีย จากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) และเพิ่มทุนจดทะเบียน

รวมถึงการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง Private Placement หรือ PP และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป Public Offering หรือ PO ล่าสุดบริษัทฯ เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 12 ต.ค. 64 นี้ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นในการทำธุรกรรมดังกล่าว

สำหรับการเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่ม Lotus's ครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสการเติบโต จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและประชากรเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

โดยบริษัทฯ พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจต่างๆ ทั้งเอสเอ็มอี เกษตรกร และผู้ผลิตสินค้า ร่วมเติบโตไปด้วยกันในระดับภูมิภาค ผ่านแพลตฟอร์มที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการไทย

"แม้มีการรวมกิจการของกลุ่มโลตัสส์เข้ามาในบริษัทฯ แต่เรายังคงยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นคู่คิดทางธุรกิจของทุกกลุ่มผู้ประกอบการ พร้อมสนับสนุนเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้า และร้านค้าปลีกรายย่อย หรือร้านโชห่วย ด้วยการนำความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการร้านค้า เข้าไปสนับสนุนการดำเนินธุรกิจรายย่อยท้องถิ่นให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงจำหน่ายสินค้าในราคาที่เป็นธรรม"

อย่างไรก็ตาม แม็คโคร เชื่อว่าจากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 32 ปี และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ B2B หรือ Business to Business (การค้ากับผู้ประกอบการ) ขณะที่ Lotus's ซึ่งเป็นผู้นำตลาดแบบ B2C หรือ Business to Consumer (การค้ากับผู้บริโภค) และดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 27 ปี การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มได้ดียิ่งขึ้น

ด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงสามารถใช้ความเชี่ยวชาญด้านการคัดสรรและจัดซื้อ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น ตลอดจนยกระดับห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain ให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการต่างชาติได้

โดยทั้งสองบริษัทฯ จะพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ผสมผสานการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ที่ต้องการความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนยกระดับแม็คโครและโลตัสส์ให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและดิจิตัลแพลตฟอร์ม

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร สายงาน Group Shared Service กล่าวว่า การรับโอนกิจการของกลุ่ม Lotus's ครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ มีมาร์เก็ตแคป หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ใหญ่ขึ้น และส่งผลดีต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่สามารถรับรู้รายได้ของกลุ่มโลตัสส์ รวมถึงรายได้จากพื้นที่เช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค

ทั้งนี้ หากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทฯ เตรียมดำเนินการขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (PO) ซึ่งเมื่อกระบวนการเสนอขายเสร็จสิ้นตามเป้าหมาย จะเพิ่มสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต์) เป็นไม่ต่ำกว่า 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจะส่งผลให้หลักทรัพย์ของบริษัทฯ มีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนีสำคัญต่างๆ และเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น

โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ คือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF) ซึ่งจะได้รับหุ้น PP จากการรับโอนกิจการดังกล่าว จะร่วมเสนอขายหุ้นสามัญที่ตนถืออยู่ในบริษัทฯ ด้วยบางส่วนพร้อมกับการทำ PO ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ