บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส สร้างเตาหลอมแก้วใหม่ที่ราชบุรี พร้อมลงทุนที่ปราจีนบุรี ขยายกำลังการผลิตเกือบ 4,000 ตันต่อวัน ลงทุนถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน สร้างโอกาสเข้าสู่ธุรกิจกลางน้ำ
เมื่อวันที่ 18 ส.ค.64 นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มุ่งเน้นการเร่งลงทุนก่อสร้างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ภายในโรงงานจังหวัดราชบุรี และลงทุนขยายกำลังการผลิตในโรงงานจังหวัดปราจีนบุรี หลังได้รับการอนุมัติแผนลงทุนจากคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อเดือน พ.ค.64 เพื่อขยายกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นอีก 440 ตันต่อวัน ใช้งบลงทุนรวม 2,500 ล้านบาท
โดยโรงงานดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ สามารถควบคุมอุณหภูมิและต้นทุนด้านพลังงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งมีความยืดหยุ่นในการผลิตสูง เพื่อรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างจนแล้วเสร็จอีกประมาณ 18 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมทุกโรงงานเพิ่มขึ้นจาก 3,495 ตันต่อวัน เป็น 3,935 ตันต่อวัน ครองส่วนแบ่งการตลาดด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศ
ล่าสุด บริษัทฯ พร้อมใช้งบลงทุน 176 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน สูงสุด 50 ล้านเมตรต่อปี ผ่านบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ที่เป็นบริษัทย่อย หลังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อย เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูง และขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นการสร้างโอกาสต่อยอดรุกเข้าสู่ธุรกิจกลางน้ำเพื่อผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน หรือ Flexible Packaging รองรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ในอนาคต คาดว่าจะเริ่มการลงทุนก่อสร้างในไตรมาส 1/65 และผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายในไตรมาส 1/66
สำหรับแผนการดำเนินงานปี 64 ครึ่งปีหลัง วางเป้าหมายรักษาการเติบโตในระดับเดียวกับช่วงครึ่งปีแรกและเติบโตใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 62 คาดว่าความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์จะได้รับผลกระทบชั่วคราวจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ หากมีการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวและมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง มั่นใจว่าความต้องการด้านบรรจุภัณฑ์จะกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็ว
บริษัทฯ วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกในปี 64 เป็น 10% ของรายได้รวม จากแนวโน้มตลาดต่างประเทศเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มที่ดีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายในปีนี้จะมีการเติบโตทั้งจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วและจากการควบรวมกิจการ ในบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด หรือ BGP และบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด หรือ BVP ซึ่งมียอดขายในปี 64 รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนเม.ย. 64 ที่ผ่านมา เสริมศักยภาพให้กับธุรกิจหลักอย่างบรรจุภัณฑ์แก้วด้วยการนำเสนอบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์แก้ว พร้อมฉลาก ฝา และกล่องกระดาษ ยกระดับสู่การเป็น Total Packaging Solutions หรือผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร