ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ เผยกำไรไตรมาส 2/64 แตะ 85.7 ล้านบาท ได้ขนส่งสินค้าทางอากาศ-โลจิสติกส์สินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ หนุนหลังค่าระวางขาขึ้น พร้อมเป็น Hub ตัวแทนสายการบิน ดันบริษัทสู่ Logistics Integrator ภูมิภาคเอเชีย
เมื่อวันที่ 12 ส.ค.64 นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 85.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.0 ล้านบาท หรือ 147.2% จากงวดเดียวกันของปี 63 และเติบโต 10.7% จากไตรมาส 1/64 สร้างสถิติกำไรสุทธิทำนิวไฮติดต่อกัน 2 ไตรมาส
ทั้งนี้ เป็นผลจากการเติบโตทั้งจากกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่ม และจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ ซึ่งรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ครึ่งปีแรกปี 64 มีกำไรสุทธิรวม 163.2 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 185.2% และสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 63 ที่ 162.5 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมรายได้ 6 เดือนแรกเติบโตเช่นกัน โดยมีรายได้รวม 1,274.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 69.0% แม้เศรษฐกิจรวมยังได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 รอบใหม่และการล็อกดาวน์ในประเทศในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
สำหรับรายได้รวมงวดไตรมาส 2/64 มีจำนวน 641.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 85.1% และมีกำไรขั้นต้น 137.4 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 94.9% จากไตรมาส 2/63 โดยหลักมาจากทุกกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 4 กลุ่มที่บริษัทฯ มีอยู่ในปัจจุบัน
รวมถึงบริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งจากกลุ่มบริษัท Around Logistics Management และ บริษัท DG Packaging Pte., Ltd. โดยล่าสุดบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จำกัด ที่เริ่มรับรู้รายได้เมื่อต้นไตรมาส 2/64 สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีตามเป้า
นายทิพย์ กล่าวอีกว่า แผนงานในครึ่งปีหลัง 64 นี้เรายังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรต่อเนื่อง โดยธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นที่จะแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. 64 เพื่อเป็น Regional Company ตามกลยุทธ์ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร
โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือ ShipSmile โดยคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 10 ส.ค.64 อนุมัติให้ซื้อหุ้นเพิ่ม 8% มูลค่า 28.0 ล้านบาท หลังจากที่เข้าลงทุนในเดือนเมษายน 64 ในสัดส่วน 30% เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจขนส่งพัสดุภายในประเทศ ซึ่งการล็อกดาวน์ในไตรมาส 3/2564 ทำให้ปริมาณขนส่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอีคอมเมิร์ซและขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ
สำหรับการเข้าลงทุนใน ShipSmile ทำให้บริษัทฯ ได้ร่วมดำเนินธุรกิจกับบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY พันธมิตรซึ่งเป็นผู้ร่วมทุน โดยตั้งเป้าหมายร่วมกันต่อยอดพัฒนาโมเดลธุรกิจของ ShipSmile ให้มีความน่าสนใจและมีจุดแตกต่างในการแข่งขัน รวมถึงมีบริการการชำระเงินออนไลน์เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าได้มากขึ้น
ทำให้ปัจจุบัน ShipSmile มีจำนวนสาขา 2,400 สาขา และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3,000 สาขาในสิ้นปีนี้ โดยล่าสุด บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ใช้ ShipSmile เป็นจุดรับส่งสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ ShipSmile มีความแข็งแกร่งและมีทางเลือกในการให้บริการแก่ลูกค้าได้มากขึ้น
โดยบริษัทฯ จะใช้จุดแข็งของพันธมิตรอย่าง Makesend เข้าไปช่วยต่อยอดบริการด้านโลจิสติกส์แบบ Sameday Delivery ให้กับ ShipSmile ซึ่งเริ่มให้บริการพื้นที่ของกรุงเทพและปริมณฑล และจะขยายบริการขนส่งสินค้าแบบวันเดียวไปสู่เมืองหลักทั่วประเทศต่อไป
สำหรับ แนวโน้มในไตรมาส 3/64 ซึ่งจะเข้าสู่ช่วง Hight Season ของธุรกิจโลจิสติกส์ ท่ามกลางสภาวะการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และค่าระวางปรับตัวขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงต้องมีการบริหารจัดการซัพพลายให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยได้เพิ่มบริการใหม่ในเส้นทางที่เป็นประเทศเศรษฐกิจหลักในเอเชีย รวมทั้งการเพิ่มปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้ามาตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/64
ในส่วนการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศนั้น บริษัทยังให้บริการ Cargo Flight ร่วมกับสายการบินพันธมิตรต่อเนื่อง บริษัทฯ จะยังรักษาความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่ดีจากทุกกลุ่มธุรกิจ และเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ในทุกรูปแบบ คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 64 จะสามารถเติบโตได้เป็นสองเท่าของปี 63