เอสซีจี แพคเกจจิ้ง โชว์รายได้ครึ่งแรกปี 64 แตะ 57,148 ล้าน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง โชว์รายได้ครึ่งแรกปี 64 แตะ 57,148 ล้าน

Date Time: 27 ก.ค. 2564 19:35 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • SCGP ทำรายได้จากการขายครึ่งปีแรกของ 64 แตะ 57,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% รับดีมานด์ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ และการส่งออกเพิ่มขึ้นในภูมิภาคอาเซียน พร้อมขยายกำลังการผลิต M&P ได้ตามแผนงาน

SCGP ทำรายได้จากการขายครึ่งปีแรกของ 64 แตะ 57,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% รับดีมานด์ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ และการส่งออกเพิ่มขึ้นในภูมิภาคอาเซียน พร้อมขยายกำลังการผลิต M&P ได้ตามแผนงาน 

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 64 นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 57,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวด 4,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วน EBITDA (กำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ไม่รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม และรวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้ยืม) อยู่ที่ 10,831 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน

สำหรับรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น มาจากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์และการส่งออกสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอาเซียน เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและ อาหารแช่แข็ง เป็นต้น รวมถึงเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรป และประเทศจีน เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคโควิด 19 ถึงแม้จะมีแรงกดดันจากต้นทุนด้านพลังงานและภาวะขาดแคลน ตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าทางเรือในช่วงที่ผ่านมา แต่บริษัทฯ ยังคงบริหารจัดการต้นทุน และปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้

ส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นยังมาจากการวางกลยุทธ์ในการรักษาความเป็นผู้นำโซลูชันส์ด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนและการขยายธุรกิจได้ตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งการเข้าควบรวมกิจการ (Merger & Partnership หรือ M&P) กับ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ SOVI ประเทศเวียดนาม

รวมถึงการเข้าลงทุนใน Go-Pak UK Limited เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตที่แล้วเสร็จในช่วงที่ผ่านมา เช่น การเพิ่มกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในประเทศอินโดนีเซีย, การเพิ่มกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ในประเทศไทย เป็นต้น

ทั้งนี้ SCGP สามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจผ่านธุรกิจปัจจุบันและ M&P ทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าในปี 2564 จะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อกระจายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มพอร์ตบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงมีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม กระบวนการทำงาน และโมเดลธุรกิจ เพื่อนำเสนอโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 9 ส.ค. 564 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 10 ส.ค.64

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลัง จะได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน โดยทิศทางการดำเนินงานของ SCGP ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายรายได้จากการขายรวมทั้งปีไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ด้วยการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และมีโครงการขยายกำลังการผลิต

ได้แก่ การขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารจากกระดาษเพิ่มขึ้นอีก 1,615 ล้านชิ้นต่อปี ที่ประเทศไทยและประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ รวมถึงการขยายกำลัง การผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในฟิลิปปินส์อีก 220,000 ตันต่อปี และการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์แบบอ่อนตัวในประเทศไทยอีก 53 ล้านตารางเมตรต่อปี ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปีนี้

ล่าสุด SCGP ได้ปิดดีลการเข้าถือหุ้นร้อยละ 70 ใน Duy Tan Plastics Manufacturing Corporation หรือDuy Tan) ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปในเวียดนาม ตามการเข้าทำสัญญาซื้อหุ้นตามที่ได้เปิดเผยสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 64

นอกจากนี้ ยังมีดีลที่อยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งคาดว่าจะปิดดีลสำเร็จในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ได้แก่ การเข้าถือหุ้นร้อยละ 75 ใน PT Indonesia Dirtajaya Aneka Industri Box, PT Bahana Buana Box และ PT Rapipack Asritama (Intan Group) เพื่อขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษ ในประเทศอินโดนีเซีย

รวมถึงการเข้าถือหุ้นร้อยละ 85 ใน Deltalab, S.L. ประเทศสเปน เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการและการเติบโตของวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ของ SCGP ในระดับโลก ซึ่ง SCGP จะเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้วยการประสานความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาวควบคู่กับการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG)


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ