คนรวยระดับโลกไม่มีใครที่ไม่ลงทุนใน “ตลาดหุ้น”!!! เพราะการลงทุนใน “หุ้น” เป็นทางเลือกการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าทางเลือกอื่น และยิ่ง ‘ระยะเวลาการลงทุนยิ่งนาน’ การลงทุนในหุ้น ‘ความผันผวนจะลดลง’ ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยจะดีขึ้นด้วย!!
เว็บ https://www.setinvestnow.com ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เริ่มต้นบทความเพื่อเชิญชวนให้ผู้อ่านได้เห็นความสำคัญและความจำเป็นของการลงทุน ได้อย่างน่าสนใจ ในบทความ ลงทุน “หุ้น” ผ่าน “กองทุนหุ้นไทย” ผลตอบแทนก็ปังได้ไม่แพ้หุ้นโลก ที่ “คุณนายพารวย” เห็นแล้วต้องรีบนำมาบอกต่อ
โดยข้อเท็จจริงนี้ ได้รับพิสูจน์มาแล้วทั้งกับ “ตลาดหุ้นต่างประเทศ” รวมทั้ง “ตลาดหุ้นไทย” โดยจากสถิติย้อนหลัง 10 ปี (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ 31 มี.ค.64) พบว่า ผลตอบแทนรวมตลาด หุ้นไทย (SET TRI) ย้อนหลัง 10 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 7.77% ต่อปี ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เงินลงทุนของคุณโต เป็น 2 เท่า ในเวลาเพียง 9.27 ปีเท่านั้น (ที่มา: กฎของตัวเลข 72 (The Rule of 72) = 72/7.77)
แต่ถ้าเอาไปฝากบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดาเฉลี่ย 5 ธนาคารใหญ่ ณ วันที่ 31 มี.ค.64) จะต้องใช้เวลานานถึง 288 ปี เลยทีเดียว!!
ทำให้การลงทุนระยะยาวใน “หุ้น” ไม่ว่าช่วงเวลาใด ยังคงเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าโดยเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่นๆอยู่นั่นเอง!!
และเมื่อพูดถึงการลงทุนใน “หุ้นไทย” หลายคนอาจยังเป็นมือใหม่ หรือบางคนต้องทำงานไม่มีเวลาศึกษาติดตามตลาดหุ้นใกล้ชิด การเริ่มต้นโดยนำเงินไปให้ “มืออาชีพ” ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญลงทุนให้จึงเป็นวิธี ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในโลกของการลงทุน ตามสโลแกน ที่ว่า “ให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม”
“คุณนายพารวย” เอง แม้จะลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรงมานานหลายสิบปี แต่ก็ยังแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้น เพื่อให้มืออาชีพบริหารจัดการให้ นอกจากได้กระจายความเสี่ยงแล้ว ยังเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ด้วย
ทั้งนี้ ในประเทศไทยมี “กองทุนรวมหุ้น” ให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย แต่หากให้แบ่งประเภทของกองทุนรวมหุ้น หลักๆแบ่งได้ 3 ประเภท คือ 1.กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก 2.กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ 3.กองทุนหุ้นทั่วไป
วันนี้ “คุณนายพารวย” จะพามารู้จักกองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก แบบเข้าใจง่ายๆคือ กองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยที่มีมูลค่าตลาด (มาร์เกตแคป) ไม่เกิน 80,000 ล้านบาท ไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สิน สุทธิของกองทุนรวม (NAV) ซึ่งปกติจะเน้นลงทุนในหุ้นกลางและเล็กที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของ SET50
โดยในเชิงสถิติและบุคลิกของหุ้นขนาดเล็ก จะมีความเสี่ยงและโอกาสของผลตอบแทนคาดหวังที่สูงกว่ากลุ่มหุ้นใหญ่ โดยผลตอบแทนเฉลี่ยของกลุ่มกองทุนหุ้นเล็กย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 7.64% ต่อปี (ข้อมูล ณ 31 มี.ค.64 จาก มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)) ดังนั้นนักลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นกลาง-เล็ก หวังผลตอบแทนสูงๆ แต่ไม่ถนัดลงทุนด้วยตัวเอง ‘กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก’ จึงเป็นอีกทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างดี
สัปดาห์หน้าเรามาทำความรู้จักกับกองทุนรวมหุ้นอีก 2 ประเภท ก่อนจะตัดสินใจว่าจะให้ “เงินเราทำงานผ่านกองทุนรวม” ประเภทไหนที่ถูกจริตตรงเป้าหมายและความต้องการรวยของเรา!!
คุณนายพารวย