กลุ่ม Second Tier หุ้นฮ่องกงน่าสนใจ มีทั้งเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กลุ่ม Second Tier หุ้นฮ่องกงน่าสนใจ มีทั้งเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ

Date Time: 14 มิ.ย. 2564 15:00 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • บล.บัวหลวง เปิดโผหุ้นกลุ่ม Second Tier ของตลาดหุ้นฮ่องกง มีทั้งเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ ที่เติบโตไปกับความมั่งคั่งของชาวจีน

บล.บัวหลวง เปิดโผหุ้นกลุ่ม Second Tier ของตลาดหุ้นฮ่องกง มีทั้งเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ ที่เติบโตไปกับความมั่งคั่งของชาวจีน

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 64 นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นฮ่องกง ถือเป็นหนึ่งตลาดที่น่าสนใจ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศจีนและฮ่องกงมีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัว

ทั้งนี้ สะท้อนได้จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในช่วงไตรมาสแรกปี 2564 ของจีนและฮ่องกงที่ขยายตัว 18.3% และ 7.8% ตามลำดับ เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหนุนโดยตัวเลขภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังฮ่องกงต้องเผชิญหน้ากับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และความไม่สงบทางการเมือง จนส่งผลให้ตัวเลข GDP ถดถอยติดต่อยาวนาน 1 ปีครึ่ง

ช่วงที่ผ่านมาจีนมีแผนผลักดันเศรษฐกิจ ภายใต้ชื่อ Greater Bay Area หรือ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไข่มุก ประกอบด้วย ฮ่องกง มาเก๊า และ 9 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง ได้แก่ กว่างโจว, เซินเจิ้น, จูไห่, ฝอซาน, ฮุ่ยโจว, ตงกวน, จงซาน, เจียงเหมิน และเจ้าชิ่ง ซึ่งเขตเศรษฐกิจดังกล่าวมีขนาดตัวเลข GDP รวมกันคิดเป็น 10% ของ GDP จีน

ช่วงรัฐบาลจีนวางแผนจัดตั้งแต่ละพื้นที่เป็นศูนย์กลางในด้านต่างๆ เช่น ผลักดันให้เซินเจิ้นเป็นศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยี และฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เป็นต้น เห็นได้ชัดจากการทยอยนำบริษัทจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทจดทะเบียนกว่า 72% ในตลาดหุ้นฮ่องกงมาจากบริษัทจีน

ขณะเดียวกันราคาหุ้นตลาดฮ่องกงได้ปรับฐานลงมาอยู่ในจุดที่ค่อนข้างน่าสนใจ ฉะนั้นผู้ลงทุนควรหาโอกาสเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ปัจจุบันตลาดหุ้นฮ่องกงมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 7.9 แสนล้านบาท และมีจำนวนหุ้น, กองทุน ETF ให้เลือกลงทุนจำนวนมาก โดยไม่มีโควตาจำกัดการเข้าลงทุนเหมือนตลาดหุ้นจีน ถือเป็นตลาดหุ้นที่เหมาะกับผู้ลงทุนไทย

ที่สำคัญยังสามารถไปต่อได้อีกไกล เนื่องจากเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง หรือ HKEX ได้ประกาศแต่งตั้งอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ JPMorgan Chase & Co ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่อย่างเป็นทางการ นับเป็น CEO คนแรกที่ไม่ใช่เชื้อสายจีน ดังนั้นมีโอกาสจะเห็นตลาดหุ้นฮ่องกงได้รับการผลักดันสู่ระดับโลก

"แม้ 3 เดือนแรกที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่ายังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เห็นได้จากตัวเลขดัชนีผู้บริโภค หรือ CPI ที่ยังคงเติบโตในอัตราที่ไม่สูงมากนักที่ระดับ 0.75% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน ขณะเดียวกันการฉีดวัคซีนยังกระจายไม่ทั่วถึง แม้ที่ผ่านมาจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วกว่า 780 ล้านโดส แต่เมื่อเทียบสัดส่วนต่อประชากรทั้งหมด ถือว่ายังน้อยกว่าสหรัฐฯ และอังกฤษ ขณะเดียวกันช่วงนี้ธนาคารกลางของจีนยังไม่มีนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม"

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่อาจเผชิญแรงขายจากกฎเกณฑ์ ADR Delisting Rules ในสหรัฐฯ ที่มีแผนถอนหุ้นจีนที่ไม่ผ่านมาตรฐานบัญชีออกจากตลาด และกรณีที่สำนักงานกำกับดูแลตลาดแห่งชาติจีน (SAMR) เข้าสอบสวนและปรับบริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่จีน เพื่อป้องกันการผูกขาดทางธุรกิจ

โดยเราแนะให้เลือกลงทุนในกลุ่ม Second Tier หรือ หุ้นแถว 2 ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยี และอีคอมเมิร์ซ ที่มีการเติบโตไปกับความมั่งคั่งของชาวจีนผ่าน 5 หุ้นเด่นประจำตลาดฮ่องกง คือ

1.หุ้น NetEase หรือ 9999.HK ผู้พัฒนาเกมเบอร์ 2 ของจีน รองจาก Tencent ปัจจุบันมีค่า P/E อยู่ระดับ 24-25 เท่า เทียบ Tencent ที่อยู่ 31-32 เท่า ถือเป็นระดับที่น่าสนใจ

2.หุ้น SUNNY OPTICAL หรือ 2382.HK บริษัทสัญชาติจีนมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีด้านเลนส์ ล่าสุดมีแผนจะขยายตัวไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันมีค่า P/E ระดับ 27 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยของคู่แข่งที่อยู่ 31 เท่า

3.หุ้น AIA Group หรือ 1299.HK ธุรกิจประกันชีวิตสัญชาติฮ่องกงที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ถือเป็นอีกหุ้นที่น่าสนใจ หลังบริษัทอาจมีการขยายธุรกิจไปในจีนเพิ่มขึ้น ปัจจุบันรัฐบาลจีนกำลังเชื่อมต่อภาคประกันในหลายมณฑลให้มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งจะช่วยให้ AIA ขยายตัวในธุรกิจประกันได้มากขึ้น

4.หุ้น Xiaomi Corp หรือ 1810.HK บริษัทเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน ในอนาคตอาจได้รับผลดีจากการที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ถอดชื่อบริษัทออกจากบัญชีดำ เพื่อเปิดทางให้กับนักลงทุนสหรัฐฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท ส่งผลให้ FTSE Russell บริษัทจัดทำดัชนีหุ้นของประเทศอังกฤษ เตรียมนำหุ้นกลับเข้ามาคำนวณในทุกดัชนีของ FTSE Russell ในวันที่ 21 มิ.ย.64

5.หุ้น ZTO Express หรือ 2057.HK บริษัทขนส่งพัสดุยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งมี Alibaba ถือหุ้นใหญ่ ถือเป็นเบอร์หนึ่งด้านขนส่งพัสดุจีนที่เติบโตไปกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หลังสถานการณ์โควิด-19 หนุนธุรกิจโตเร็วปัจจุบันมีค่า P/E อยู่ที่ 22 เท่า เทียบกับเบอร์ 1 ของจีน ถือว่ายังไม่แพง

นายรัฐศรัณย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในหุ้นฮ่องกงสัดส่วน 35%, หุ้นสหรัฐฯ 45% และหุ้นเวียดนาม 20% โดยเราได้มีการปรับน้ำหนักหุ้นฮ่องกงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ในระยะยาวยังเติบโตได้ดี แต่ระยะสั้นมีโอกาสปรับฐาน หลังราคาขยับขึ้นมาค่อนข้างมาก ส่วนหุ้นเวียดนาม แนะเพิ่มน้ำหนักเล็กน้อยเพื่อให้สอดคล้องไปกับเศรษฐกิจที่โตต่อเนื่อง.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ