บลจ.วี ประเมินกลุ่มธุรกิจกัญชา มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แรงขับเคลื่อนด้านการบริโภคการใช้เชิงสันทนาการ และการแพทย์ หลังรัฐบาลในหลายประเทศ เริ่มอนุญาตให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วี จำกัด กล่าวว่า มูลค่าตลาดของกัญชามีขนาดใหญ่ แต่เป็นประเภทกัญชาที่ผิดกฎหมายเป็นสัดส่วนใหญ่กว่า ส่วนที่เป็นการใช้กัญชาถูกกฎหมาย เช่น กัญชาทางการแพทย์ และ Adult-use คาดว่ากัญชาส่วนที่ใช้อย่างถูกกฎหมายจะเริ่มเติบโตขึ้นในปี 2021 และมี sharing เป็น 1 ใน 3 ของตลาดทั้งหมด
ทั้งนี้ สัดส่วนของตลาดกัญชาที่ถูกกฎหมายคาดว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 27% มีมูลค่าประมาณ 95,000 ล้าน USD ในปี 2025 จากระดับ 28,000 ล้าน USD ในปี 2020 ทั้งนี้ปัจจัยผลักดันสำคัญคือการออกกฎหมายรองรับการใช้กัญชาเพิ่มมากขึ้น โดยมีกลุ่มของ Adult-use และ Cannabidiol หรือ CBD เป็นสารที่ไม่มีผลออกฤทธิ์ทางจิตประสาท ช่วยบรรเทาอาการจากสารเคมีในร่างกาย ลดความเครียด อาการทางจิต โรคลมชัก จะเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุด
ขณะที่กลุ่มการใช้ทางการแพทย์จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ในกลุ่ม Adult-use 46% ของผู้บริโภคประเภทสันทนาการในสหรัฐฯ มีการบริโภคกัญชาในอาหารเป็นปกติ รวมถึงเป็นส่วนผสมในประเภทเครื่องดื่ม ช็อกโกแลต และของหวานต่างๆ เป็นต้น ในกลุ่ม CBD oil มีมูลค่า Global CBD 24,000 ล้าน USD ในปี 2025 โดยมีตลาดหลัก คือ ประเทศสหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร โดยยอดขายหลักจะมาจากผลิตภัณฑ์ในรูปแบบทิงเจอร์ สเปรย์ และ การสูดดม
ส่วนกลุ่มผู้บริโภคหลักประมาณ 44% เป็นกลุ่ม Millennial ที่มีอายุระหว่าง 26-54 ปี รองลงมาคือ Gen X และ Gen Z ใกล้เคียงกัน โดยมีวัตถุประสงค์การใช้ส่วนใหญ่ 52% ผู้บริโภคใช้ทั้งเพื่อทางการแพทย์และสันทนาการ กลุ่มเพื่อสันทนาการอย่างเดียว 31% และกลุ่มผู้ป่วย 17%
นอกจากนี้ การ Legalization ในตลาดสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหลักของการเติบโตการใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย การออกกฎหมายรองรับการใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายช่วยสร้างรายได้ให้กับหลายรัฐและเกิดการจ้างงาน ยกตัวอย่าง ในรัฐโคโลราโดมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษีจาก Adult-use รวมถึงมีการจ้างงานเพิ่มสูงขึ้นจากธุรกิจกัญชา โดยในปี 2020 การจ้างงานเพิ่มขึ้น 15% จากปี 2019 คาดการณ์ว่าในช่วงปี 2018 ถึง 2028 การจ้างงานที่เกี่ยวกับธุรกิจกัญชาจะเติบโตกว่า 250%
ทั้งนี้ บลจ.วี มองเห็นโอกาสและแนวโน้มของธุรกิจกัญชา จึงเปิด IPO กองทุนเปิด วี แคนนาบิส บิสสิเนส (WE-CANAB) ระหว่างวันที่ 5 -12 พ.ค. 64 โดยกองทุน WE-CANAB จะเน้นลงทุนเชิงรุกด้วยการกระจายลงทุน (Active Asset Allocation) เน้นลงทุนในกลุ่ม Global Cannabis เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของเงินลงทุนไปกับ Cannabis Business Ecosystem
โดยจะกระจายการลงทุนในธุรกิจกัญชา เน้นธุรกิจ Pure-play และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจ ผ่านกองทุนหลัก ETFMG Alternative Harvest ETF สัดส่วนประมาณ 60% และลงทุนกองทุนหลัก Global X Cannabis ETF สัดส่วนประมาณ 40%
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนลงทุน เช่น 1. GW Pharmaceuticals plc ทำการวิจัยและพัฒนายา cannabinoid ที่ต้องสั่งโดยแพทย์ สำหรับการรักษาอาการปวดมะเร็ง เส้นโลหิตตีบหลายเส้นและอาการปวดจากระบบประสาท
2. บริษัท Aphria Inc. ผู้ผลิตและจำหน่ายกัญชาเพื่อการรักษาโรคและเพื่อการสันทนาการระหว่างประเทศ บริษัทดำเนินธุรกิจผ่านช่องทางค้าปลีกและค้าส่งในแคนาดาและต่างประเทศ 3. บริษัท Tilray เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในการวิจัย การเพาะปลูก การแปรรูป และการจัดจำหน่ายกัญชา นอกจากนี้ยังเป็นผู้ผลิตกัญชาทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรอง GMP เพื่อจัดหาดอกกัญชาและสารสกัดจากกัญชาให้กับผู้ป่วย แพทย์ ร้านขายยา โรงพยาบาลรัฐบาลและนักวิจัยหลายหมื่นคนใน 5 ทวีป
4. บริษัท Canopy Growth Corporation เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกัญชาเพื่อทางการแพทย์และสันทนาการ และ 5. Cronos Group Inc. ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาที่หลากหลายและครบวงจร บริษัทนำเสนอแพลตฟอร์มการผลิตและจำหน่ายกัญชาทางการแพทย์ ตลอดจนการเพาะปลูกน้ำมันกัญชา Cronos Group ให้บริการลูกค้าในประเทศแคนาดา
"เรามองว่าช่วงการพัฒนาของตลาดกัญชายังอยู่ในระยะเริ่มต้น (Early Adoption) ภายหลังจากการได้รับอนุมัติทางกฎหมายอย่างแพร่หลาย จะนำมาซึ่งการวิเคราะห์ วิจัย และพัฒนา ผลิตภัณฑ์อีกมาก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านต่างๆ จึงเป็นจังหวะสำหรับการลงทุนที่น่าสนใจ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว จากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจกัญชาจากทั่วโลก"