"โออิชิ กรุ๊ป" เผยผลประกอบการปี 2563 โควิด-19 ส่งผลกระทบภาพรวม แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ยังพอใจ สร้างผลกำไรและมีการจ่ายเงินปันผล โดยตลาดชาเขียวพร้อมดื่มยังมีแชร์อันดับ 1
นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ทำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านเศรษฐกิจและสังคม สร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับทุกธุรกิจและทุกภาคส่วน ซึ่งบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน จึงปรับกลยุทธ์และแผนงานต่างๆ เพื่อเร่งสร้างรายได้ให้กลับมาให้มากที่สุด ขณะเดียวกันยังประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ควบคุมการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง
สำหรับภาพรวมบริษัทฯ ปี 2563 ธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียวโออิชิผลักดันส่วนแบ่งทางการตลาดได้สูงถึง 48% ทิ้งห่างคู่แข่งและครองตำแหน่งผู้นำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธุรกิจร้านอาหารมีการปรับแผนให้เหมาะกับสถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเร่งขยายช่องทางการขายแบบซื้อกลับบ้าน และเดลิเวอรี่ที่มีการเติบโตมาก ส่วนแนวโน้มการดำเนินธุรกิจอนาคต บริษัทฯ ปรับแผนกลยุทธ์ให้เหมาะสม นำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งศึกษาโอกาสธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจที่มีอยู่ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
นางนงนุช กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ปีงบประมาณ 2563 ช่วงเดือน ต.ค.2562-ก.ย. 2563 มีรายได้รวม 11,007 ล้านบาท ลดลง 19.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 1,066 ล้านบาท ลดลง 13.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน บริษัทฯ ยังสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างน่าพอใจ และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 1.45 บาทต่อหุ้นจากผลประกอบการปี 2563
นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการชะลอตัวตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศปรับตัวลดลง 9.1% ส่งผลต่อยอดขายเครื่องดื่มบ้าง แต่บริษัทฯ ยังสามารถประคองสถานการณ์และสร้างกำไรเติบโตได้ จากการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวที่ดีต่อสุขภาพ ประกอบกับทำการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายรูปแบบใหม่ๆ กระจายสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ ครอบคลุมมากขึ้น บริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งขยายตลาดส่งออก โดยเข้าไปเปิดตลาดใหม่ในเมียนมา ทำกิจกรรมการตลาดในเขตพื้นที่แถบชายแดน ส่งผลให้ยอดขายในเมียนมาเติบโตต่อเนื่อง ส่วนในกัมพูชาและลาวยังคงรักษาตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ สายงานธุรกิจร้านอาหาร กล่าวว่า ปี 2563 เน้นปรับตัวรับมือกับผลกระทบจากโควิด-19 และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและซับซ้อนมากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลต่อยอดสร้างสรรค์บริการใหม่ ๆ ในร้านอาหารญี่ปุ่นโออิชิ พร้อมพัฒนาช่องทางขายเดลิเวอรี่และซื้อกลับบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันมีการปรับรูปแบบร้านให้เหมาะสมและเข้ากับสภาพแวดล้อมทางการตลาด เน้นเคลื่อนเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็ว โดยการขยายธุรกิจและเปิดตัวร้านอาหารรูปแบบใหม่ รวมถึงร้านอาหารประเภทไฮบริด มีการพัฒนาสูตรอาหารและผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ นำเสนอเมนูเพื่อสุขภาพเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ ซึ่งสั่งผ่านบริการจัดส่งอาหารโออิชิเดลิเวอรี่ หรือ แอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี่ชั้นนำทั่วไป นอกจากนี้ ต่อยอดสู่ตลาดพรีเมียม เปิดตัวร้านอาหารญี่ปุ่นใหม่ สร้างความแตกต่าง และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ จับกลุ่มเป้าหมายระดับบนและกลางเป็นหลัก
นางสาวเมขลา เนติโพธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ สายงานธุรกิจอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า จากโควิด-19 และการปิดเมืองได้เป็นตัวแปรสำคัญส่งผลต่อการบริโภคและการเติบโตของตลาดอาหารสำเร็จรูป แช่เย็นและแช่แข็ง เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้ามีคุณภาพ สะดวกบริโภคและมีความหลากหลาย เป็นตัวเลือกปลอดภัย จึงเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมทาน ภายใต้ตราสินค้าโออิชิ อีทโตะ โดยมุ่งเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดีต่อสุขภาพ พร้อมเร่งขยายช่องทางใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ตั้งแต่การวางจำหน่ายสินค้าในห้างที่ให้บริการค้าปลีกและค้าส่ง การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของห้างต่างๆ และเครื่องอัตโนมัติ อีกทั้งสร้างสรรค์หีบห่อบรรจุภัณฑ์โดดเด่นและแตกต่าง นอกจากนั้น ยังพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ แตกต่างจากผลิตภัณฑ์กลุ่มเดิม เช่น สินค้ากลุ่มซอสและเครื่องปรุงรส
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญด้านการพัฒนาความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ กล่าวคือ ด้านสิ่งแวดล้อม มีการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างรู้คุณค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้านสังคมนอกจากสานต่อโครงการให้และโครงการน้ำดื่มสะอาดที่ทำมาต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังเพิ่มความช่วยเหลือด้านภัยโควิด-19 โดยจัดโครงการโออิชิให้สู้ภัยโควิด-19 มอบเงินบริจาคและอาหารเครื่องดื่ม ให้แก่ โรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งการดูแลพนักงานเต็มที่ บริษัทฯ ปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์รองรับนิวนอร์มอล โดยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และหันมาให้ความสำคัญด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อผลักดันธุรกิจขับเคลื่อนไปได้อย่างต่อเนื่อง มั่นคงแข็งแกร่งด้วยการผนึกกำลังของธุรกิจทั้งสามและการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี จึงก้าวข้ามทุกสถานการณ์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพผู้นำและความเป็นบริษัทฯ ที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมเดินหน้าสู่อนาคตตามแผนวิสัยทัศน์ 2025 อย่างแข็งแกร่งต่อไป.