ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ม.ค.64 ปิดที่ 1,506.65 จุด เพิ่มขึ้น 38.41 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 115,299.85 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 58.22 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด EA ปิด 64 บาท บวก 10.50 บาท, GPSC ปิด 84.75 บาท บวก 5.75 บาท, DELTA ปิด 656 บาท บวก 128 บาท, GULF ปิด 37.25 บาท บวก 1.75 บาท, PTT ปิด 42 บาท ลบ 0.50 บาท
หุ้นไทยทะยานบวกแรง ดันดัชนีทะลุ 1,500 จุด รับแรงซื้อหุ้นใหญ่ นำโดยหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าและหุ้น Defensive ขณะที่ยังคงมีความคาดหวังว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะยังคงไหลเข้าลงทุนในประเทศไทย
“วิลาสินี บุญมาสูงทรง” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมหุ้นไทย ช่วงเดือนมกราคม ยังคงผันผวนตามปัจจัยกดดันของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในต่างประเทศ และในไทย ทำให้มีการแบ่งโซนพื้นที่และเข้มงวดมากขึ้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดแม้จะไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ก็ตาม
ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่อาจปะทุอีกครั้ง จากนโยบายการถอดหุ้นบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก และทิศทางค่าเงินบาทปี 64 มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง จากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้นสัปดาห์นี้คาดดัชนีไว้ที่ระดับ 1,450-1,500 จุด ส่วนดัชนีทั้งปี 64 มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1,470-1,650 จุด อิง PE ที่ระดับ 16-18 เท่า และมี EPS Growth 15% รวมทั้งคาดการณ์ GDP ที่ 4%
ส่วนปัจจัยที่น่าจับตาคือการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ “โจ ไบเดน” ซึ่งคาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการทยอยเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ และไทยก็จะเริ่มผลิตวัคซีนที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยมีกำลังผลิตปีละ 200 ล้านโดส โดยจะทยอยส่งมอบลอตแรกในเดือน พ.ค.64 และแนวโน้มราคาน้ำมันครึ่งปีแรก 64 มีความผันผวน และมีความเสี่ยงที่จะขาลงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่และหลายประเทศยังไม่เปิด
แนะกลยุทธ์ลงทุนทยอยสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีแบ่งเป็น 3 กลุ่มเด่น โดยกลุ่มแรก หุ้น Defensive และได้ผลดีจากนโยบาย “ไบเดน” เช่น BGRIM และ GPSC กลุ่มที่ 2 หุ้น Laggard play เช่น ADVANC, INTUCH และ BBL และกลุ่มที่ 3 หุ้น Value play เช่น STANLY, IRC, TSC, JUBILE, XO, BIZ, SKN, LALIN และ HARN!!
อินเด็กซ์ 51