CKPower ออกหุ้นกู้ 4,000 ล้าน ยอดจองทะลุ 3.9 เท่า นำเงินใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน และเตรียมใช้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาวเพิ่ม
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower ผู้ทำธุรกิจผลิตไฟฟ้า กล่าวว่า บริษัทฯ ออก และเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 4,000 ล้านบาท ชนิดไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ 3 ชุด แบ่งเป็นหุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.31% ต่อปี 1,000 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.62% ต่อปี 1,500 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.76% ต่อปี 1,500 ล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในอันดับ A- แนวโน้มคงที่ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนจำนวนมาก มียอดจองเกินจำนวนเสนอขาย 3.9 เท่า จึงขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจ สนับสนุน รวมถึงเชื่อมั่นในหุ้นกู้ของบริษัทฯ
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 พ.ย.2563 บริษัทฯ มียอดหุ้นกู้ออกและเสนอขายทั้งสิ้น 10,500 ล้านบาท ยังมีวงเงินได้รับอนุมัติให้สามารถออกและเสนอขายหุ้นกู้คงเหลืออีก 9,500 ล้านบาท รองรับการเติบโตในอนาคต แต่ขณะนี้ บริษัทฯ ยังไม่มีแผนจะออกและเสนอขายหุ้นกู้ส่วนที่เหลือดังกล่าวในระยะอันใกล้ เมื่อรวมการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้แล้วบริษัทฯ จะมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 0.74 เท่า ถือว่า ยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน
นายธนวัฒน์ กล่าวต่อว่า การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์นำเงินใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของบริษัทฯ และช่วยให้มีเงินทุนพร้อมใช้ลงทุนโครงการไฟฟ้าพลังน้ำใหม่ๆ ในลาว ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำ สอดคล้องกับนโยบายลงทุนและเป้าหมายการเติบโตของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ในปี 2563 เป็นอีกปีที่เป็นความภาคภูมิใจ เพราะบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับดีเลิศของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในขณะที่ ทริสเรตติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ A แนวโน้มคงที่ แสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ มีการบริหารเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใส จริงใจ กับผู้ลงทุน ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จนได้รับความไว้วางใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกด้วย.