KTC คุมค่าใช้จ่าย โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือน 4,011 ล้าน หนี้ NPL ลดลง

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

KTC คุมค่าใช้จ่าย โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือน 4,011 ล้าน หนี้ NPL ลดลง

Date Time: 16 ต.ค. 2563 13:05 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • KTC โชว์ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 63 ภายใต้มาตรฐานใหม่ TFRS9 กำไรสุทธิ 4,011 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 3.5 ล้านบัญชี หนี้ NPL ลดลง

KTC โชว์ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 63 ภายใต้มาตรฐานใหม่ TFRS9 กำไรสุทธิ 4,011 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 3.5 ล้านบัญชี หนี้ NPL ลดลง

ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง โดยภาพรวมของ KTC ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เริ่มปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ พอร์ตลูกหนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.9% ควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงินได้ดี และมีรายได้หนี้สูญได้รับคืนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังได้รับผลกระทบในการสร้างรายได้ เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเพดานอัตราดอกเบี้ยของ 2 ธุรกิจหลักที่ลดลง คือ ธุรกิจบัตรเครดิตลดลงที่ 2% และสินเชื่อบุคคลลดลงที่ 3% อีกทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามมาตรการของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ มีกลุ่มลูกหนี้ที่สมัครเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้กับเคทีซีประมาณ 7,800 ราย คิดเป็นมูลหนี้รวม 600 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.63) ทำให้บริษัทฯ ต้องเร่งปรับกลยุทธ์สร้างโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำรายได้ รวมทั้งปรับกระบวนการทำงานทั่วทั้งองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน รวมทั้งตัดหนี้สูญเพื่อให้พอร์ตลูกหนี้สะท้อนภาพความเป็นจริงมากขึ้น

โดย ณ วันที่ 30 ก.ย. 63 ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 เคทีซีมีกำไรสุทธิ 9 เดือน 4,011 ล้านบาท และกำไรสุทธิไตรมาส 3 เท่ากับ 1,221 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม เท่ากับ 84,347 ล้านบาท ขยายตัว 5.9%

ฐานสมาชิกรวม 3.5 ล้านบัญชี แบ่งเป็นบัตรเครดิต 2,583,462 บัตร ขยายตัว 5% เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 54,684 ล้านบาท ขยายตัว 6.9%

อัตราเติบโตของปริมาณ ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 9 เดือน อยู่ที่ -8.3% หรือมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 139,993 ล้านบาท NPL รวม ลดเหลือ 1.9% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.4%

สินเชื่อบุคคล (รวมสินเชื่อธนวัฏและสินเชื่อเจ้าของกิจการ) 895,878 บัญชี ซึ่งลดลง 8% จากการปิดบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 29,663 ล้านบาท (เติบโต 5.1%) NPL ของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.6%

ระเฑียร กล่าวอีกว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เคทีซีมีรายได้ดอกเบี้ยรวม (รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) ไตรมาส 3 และ 9 เดือนของปี 2563 เท่ากับ 3,498 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 10,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% ตามลำดับ

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียม (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) มีมูลค่าเท่ากับ 1,093 ล้านบาท ลดลงที่ -10.3% และ 3,245 ล้านบาท ลดลงที่ -11.6% ตามลำดับ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) เท่ากับ 31.7% ลดลงจาก 34.0% ณ ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทฯ เน้นทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น และลดการจัดกิจกรรมการตลาดทั้งในการจัดหาบัตรใหม่และการส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตร


ทั้งนี้ KTC มีรายได้รวม 9 เดือนปี 2563 เท่ากับ 16,490 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ -1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากรายได้ดอกเบี้ยลูกหนี้บัตรเครดิตและลูกหนี้สินเชื่อบุคคลที่เพิ่ม 9% และ 6% ตามลำดับ เป็นอัตราเพิ่มที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบสืบเนื่องจากโควิด-19 และการลดเพดานอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย

สำหรับค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 11,476 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายบริหารงาน 5,223 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ) 5,095 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงิน 1,159 ล้านบาท ตามลำดับ

ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 8% จากรายการทางการค้าและกิจกรรมการตลาดที่ลดลง ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ) มีมูลค่าทั้งสิ้น 5,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แบ่งเป็นหนี้สูญ 3,734 ล้านบาท และหนี้สงสัยจะสูญ 1,361 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากวิกฤติโควิด-19 ที่ยังไม่มีจุดสิ้นสุด ประกอบกับกฎเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลที่ปรับเปลี่ยนต่อเนื่อง ทำให้ KTC ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ในลักษณะของการทำลายอย่างสร้างสรรค์ หรือที่เรียกว่า Creative Disruption

โดยพิจารณาสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ขึ้นมาสนับสนุนธุรกิจหลักเดิม ด้วยการศึกษาและทดลองตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ หลายรูปแบบที่ต่างจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น พิโก ไฟแนนซ์ สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดสำหรับบุคคลธรรมดากู้ยืมไปใช้จ่ายส่วนตัว หรือ นาโน ไฟแนนซ์

สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และในที่สุดได้ตัดสินใจเปิดสินเชื่อใหม่หลากรูปแบบขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ภายใต้แบรนด์ เคทีซี พี่เบิ้ม ในรูปแบบของสินเชื่อที่มีหลักประกัน ครอบคลุมทั้งสินเชื่อทะเบียนรถยนต์และสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนที่รวดเร็วและสอดคล้องกับ สภาะเศรษฐกิจปัจจุบัน

โดยคาดว่าสินเชื่อภายใต้แบรนด์เคทีซี พี่เบิ้ม จะเป็นหนึ่งในฐานการทำธุรกิจใหม่ของเคทีซี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลและวิธีดำเนินโครงการเกี่ยวกับระบบการชำระเงิน (Payment System) ซึ่งคาดว่าจะเป็นธุรกิจใหม่ที่จะมาเสริมธุรกิจหลัก และสร้างโอกาสให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ