“เอ็มทีเอส” คาดปีหน้าทองคำพุ่ง 3.3 หมื่น เห็นสัญญาณเฟด-เศรษฐกิจมะกันอ่อนแอ

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ภาพรวมราคาทองคำตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงวันที่ 1 ต.ค.63 ราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นมาราว 24% ส่วนราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นประมาณ 32% ซึ่งมีปัจจัยหนุนมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาทโดยสาเหตุหลักที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น มาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีนโยบายการเงินผ่อนคลาย โดยปรับลดดอกเบี้ยมาอยู่ใกล้ระดับศูนย์ 0-0.25% พร้อมใช้มาตรการ QE อัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระดับ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงแรก จึงเป็นปัจจัยที่หนุนให้ทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ มาที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ได้

นพ.กฤชรัตน์ ยังประเมินทิศทางราคาทองคำไตรมาส 4 ปีนี้ ว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับ 2,000 ดอลลาร์หรือ 2,070 ดอลลาร์ได้อีกครั้งหนึ่ง หากเทียบเป็นราคาทองคำในประเทศอาจจะอยู่บริเวณใกล้เคียงกับระดับ 30,000 บาทต่อ 1 บาททองคำ เพราะคาดว่าปลายปี 63 จะมีประเด็นสหรัฐฯออกแพ็กเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาช่วยผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เฟดได้อัดฉีดมาตรการ QE ออกมาแล้วประมาณ 7 ล้านล้านเหรียญฯ และคาดว่าน่าจะอัดฉีดเงินเข้ามาเพิ่มอีก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์

สำหรับการวิเคราะห์ทิศทางราคาทองคำในปี 64 นั้น ยังมีโอกาสได้เห็นราคาทองคำขึ้นมายืนเหนือระดับ 2,200 เหรียญฯ ขึ้นไปถึง 2,300 ดอลลาร์หรือขึ้นมาไม่น้อยกว่า 10% โดยยังนำปัจจัยพื้นฐานเดิมจากปี 63 มาวิเคราะห์ เนื่องจากเฟดจะยังคงดอกเบี้ยใกล้ 0% และยังไม่สามารถลดปริมาณเงินที่อัดฉีดเข้ามาผ่านมาตรการ QE ลงได้ บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดเป็นตัวเกื้อหนุนราคาทองคำและเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าได้ต่อเนื่องสำหรับราคาทองคำไทยปี 64 คาดว่ามีโอกาสที่จะเห็นทองคำแตะที่ระดับ 33,000-34,000 บาทต่อบาททองคำ.