ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ต.ค.63 ปิดที่ 1,237.54 จุด ลดลง 10.05 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 54,248.70 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด STGT ปิด 88.50 บาท บวก 8 บาท, PTTEP ปิด 75 บาท ลบ 4.50 บาท, PTT ปิด 32.25 บาท ลบ 0.75 บาท, MICRO ปิด 4.86 บาท ลบ 0.59 บาท และ KBANK ปิด 75.75 บาท ลบ 2 บาท
ตลาดปรับตัวลงตามต่างประเทศ หลังมีข่าว ประธานาธิบดี “ทรัมป์” ติดโควิด-19 ขณะที่หุ้นถุงมือยางทะยานขึ้นแรง
บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี มองแนวโน้มหุ้นไทยเดือน ต.ค.ดัชนีมีโอกาสดีดตัวกลับ จากแรงหนุนของแนวโน้มอัตราการทำกำไรค่อยๆกระเตื้องขึ้นทั้งค่า Earning revision ratio EPS 12 เดือนล่วงหน้าและแรงกดดันภายในคลายตัวลง
ส่วนปัจจัยกดดันที่อาจทำให้ดัชนีไปได้ไม่ไกลคือ ความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ช่วงก่อนการเลือกตั้ง งบไตรมาส 3/63 และความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการคาดการณ์แนวโน้มอัตราการทำกำไร (EPS growth) และกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นไทย ปี 63-64 และ 12 เดือนข้างหน้า โดยอัตราการทำกำไรปี 63 คาดว่าจะ -33% ส่วนปีหน้าคาด +34% เช่นกัน
ด้าน บล.ยูโอบีเคย์เฮียน มอง 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า ดัชนีหุ้นไทยยังอาจเผชิญความเสี่ยงขาลงอีก 50-70 จุด จากความเปราะบางจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก แนะเก็งกำไรเน้นหุ้นรายตัวและถือเงินสดบางส่วน รอซื้อช่วงที่ตลาดแกว่งตัวลงแรง ในหุ้นใหญ่พื้นฐานดี
ปิดท้าย มีข่าวชี้แจงจากกลุ่มทรู ยืนยันพร้อมถือหน่วยลงทุนและเช่าใช้สินทรัพย์ในกองทุน DIF ระยะยาว โดยไม่มีแผนลดสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน จากกรณีที่กลุ่มทรู ได้ขายหน่วยลงทุน ในกองทุน DIF ไปเมื่อ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา จนมีกระแสว่า กลุ่มทรูอาจมีการลดสัดส่วนการถือหน่วยลงอีกนั้น
“ยุภา ลีวงศ์เจริญ” หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ยืนยันว่า บริษัทยังมองว่า DIF เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาวและมีปัจจัยพื้นฐานดี โดยกลุ่มทรูเป็นผู้เช่าหลักในระยะยาว ทำให้กองทุน DIF มีกระแสเงินสดจากรายได้ค่าเช่าอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากรายได้จากผู้เช่าสินทรัพย์รายอื่น เหมาะกับการลงทุนระยะยาว
ทั้งนี้ กลุ่มทรูยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักของกองทุน DIF โดยปัจจุบันถือหุ้นราว 23.38% และขอย้ำว่ากลุ่มทรูจะยังคงเป็นผู้ถือหน่วยหลักในกองทุน DIF ต่อไปในระยะยาว!!
อินเด็กซ์ 51