ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ก.ค.63 ปิดที่ 1,340.92 จุด ลดลง 18.73 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 46,529.69 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,904.65 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GULF ปิด 34.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท, PTT ปิด 38.50 บาท ลบ 1.25 บาท, STA ปิด 24.60 บาท บวก 0.10 บาท, SAWAD ปิด 51.75 บาท ลบ 2.50 บาท, CPALL ปิด 67 บาท ลบ 0.50 บาท
ตลาดปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนและผลกระทบโควิด-19 ที่กระทบให้เศรษฐกิจโลก ชะลอตัว ขณะที่ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกไทยยังติดลบต่อเนื่องจากผลกระทบโควิด-19
มีบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มแบงก์น่าสนใจหลังผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาต่ำกว่าคาดโดย บล.บัวหลวง แนะนำเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มปลอดภัย ชอบ BBL และ TISCO
ระบุว่าผลประกอบการของ 8 ธนาคารสำหรับ 2Q20 โดยรวมออกมาที่ 29.6 พันล้านบาท ลดลง 42% YoY และ 33% QoQ ซึ่งกำไรที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ 7% จากการตั้งสำรองที่มากกว่าคาด อย่างไรก็ตาม BAY-SCB-TMB และ TISCO มีการรายงานกำไรออกมาดีกว่าที่คาด
สำหรับ NPLs ในภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% QoQ 13% YTD และ 22% YoY โดยกลุ่มที่มี NPLs/สินเชื่อปรับตัวขึ้น ได้แก่ BBL-TISCO-KTB และ KBANK ในด้านของการตั้งสำรองปรับตัวขึ้น 76% QoQ และ 103% YoY อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการตั้งสำรองน่าจะปรับตัวลดลงใน 3Q20 หลังจากสถานการณ์ไวรัสดีขึ้น ยังคงแนะนำเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มปลอดภัยและ Valuation ถูก ซึ่งชอบ BBL และ TISCO ที่สุดในกลุ่ม
ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน คงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์เพียง Neutral โดยให้เหตุผลดังนี้ 1.กลุ่มธนาคารรายงานกำไร 2Q20 ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท (-47% y-y และ -38% q-q) ต่ำกว่าที่เราคาดถึง -30% จากค่าใช้จ่ายสำรองที่มากกว่าคาด
2.ใน 2H20F คาดธนาคารส่วนใหญ่เผชิญปัญหา NPLs มากขึ้น หลังหมดมาตรการช่วยเหลือของ ธปท. โดยธนาคารที่มี downside risk จำกัดคือ BBL, KBANK และ TISCO เพราะจัดชั้น NPLs เข้มงวด และเร่งตั้งสำรองไปล่วงหน้า
และ 3.ยังคงเลือกธนาคารที่ดูปลอดภัยอย่าง BBL (Buy, TP20/21F 130 บาท) และ TISCO (Buy, TP20/21F 80 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่ม!!
อินเด็กซ์ 51