ผู้สื่อข่าวรายงานการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 4 มิ.ย.63 ว่า ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง มาปิดทำการที่ระดับ 1,411.01 จุด เพิ่มขึ้น 36.83 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 122,562.18 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,469.57 ล้านบาท โดยเป็นการเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 รวมซื้อสุทธิ 11,370 ล้านบาท โดยกระแสเงินทุนได้ไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกือบทุกตลาด หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น จากสภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นตลาด และนักลงทุนมองหาการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทำให้เข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้น
ท่ามกลางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมารอบนี้ จากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของไทย แม้เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ค่าเงินจะอ่อนตัวลงมาเล็กน้อย จากการที่ผู้ค้าทองแห่นำเข้าทองคำมากขึ้นหลังราคาทองตลาดโลกอ่อนตัวหลุดระดับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 31.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงจากวันก่อนที่ 31.54 บาท ระหว่างวันได้อ่อนค่าลงไปแตะที่ 31.67 บาท ก่อนมาปิดตลาดที่ 31.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า นอกจากผู้ค้าทองได้ซื้อเงินดอลลาร์เพื่อนำเข้าทองคำแล้ว แบงก์ชาติยังได้เรียกนักค้าเงินเข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดกังวลว่าแบงก์ชาติออกมาตรการแทรกแซง
ขณะที่ น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป)เดือน พ.ค.63 ว่า ลดลง 3.44% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.62 โดยลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี 10 เดือนนับจากเดือน ก.ค.52 ที่ลดลง 4.4% สาเหตุสำคัญจากราคาน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำ และยังมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐบาลทั้งการลดค่าไฟฟ้า น้ำประปาและลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ รวมทั้งยังมีการลดลงของราคาผักสดที่ต่ำสุดรอบ 3 ปี ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือน ปี 63 ลดลง 1.04% หากมองตามทฤษฎี ขณะนี้ไทยเกิดเงินฝืดทางเทคนิค เพราะเงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 3 เดือน โดยเดือน มี.ค.ลบ 0.54%, เดือน เม.ย.ลบ 2.99% และเดือน พ.ค.ลบ 3.44% และน่าจะยังอยู่ในภาวะเงินฝืดต่อเนื่องอีกหลายเดือน.