ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 พ.ค.63 ปิดที่ 1,278.63 จุด ลดลง 23.03 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 51,384.94 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4,604.90 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 35 บาท ลบ 0.50, BAM ปิด 23.30 บาท ลบ 0.70 บาท, CPALL ปิด 69.75 บาท ลบ 1.25 บาท, PTTEP ปิด 84 บาท ลบ 0.50 บาท และ AOT ปิด 60.50 บาท ลบ 1.75 บาท
หุ้นไทยปรับตัวลง กังวลข่าวประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ขู่เก็บภาษีจีนรอบใหม่
กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่สถานการณ์ COVID-19 ในไทยดีขึ้น พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงมาต่อเนื่อง
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ มองตลาดหุ้นเดือน พ.ค.63 มีโอกาสย่อตัว หลังดัชนีปรับขึ้นมา ซื้อขายที่ระดับ forward P/E ที่ 17.6 เท่าแล้ว ซึ่งสูงกว่าระดับของปีที่แล้วทั้งปี!!
ดังนั้น ในแง่ของ Valuation หุ้นไทยถือว่าแพงมาก สถานการณ์นี้จึงเหมาะกับการลงทุนระยะสั้นมากกว่า ให้กรอบดัชนีมีแนวรับ 2 ระดับ คือที่ 1,200 จุด และ 1,150 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,350 จุด
ส่วนการลงทุนระยะกลางและยาวให้รอเข้าซื้อช่วงปลาย มิ.ย. หรือพ้นไตรมาส 2 ไปแล้ว
เพราะประเมินว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐานแรงได้อีกครั้ง หลังสิ้นสุดมาตรการกำหนดขายชอร์ตได้เฉพาะในราคาที่
สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายหรือ “Uptick rule”
เพราะมาตรการนี้มีผลกระทบแรงมาก ทำให้มูลค่าการขายชอร์ตลดลงมาเหลือ 1,000 ล้านบาทต่อวันจากเดิม 5,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกรรมบล็อกเทรดก็ลดปริมาณสัญญาต่อวันจาก 3.5 แสนสัญญาเหลือ 1 แสนสัญญาต่อวัน ดังนั้นตั้งแต่กลาง มี.ค.เป็นต้นมา จึงแทบไม่เห็นดัชนีหุ้นลงแรงระดับ 50-100 จุดต่อวันเหมือนช่วงก่อนหน้า
แนะกลยุทธ์ลงทุนเดือน พ.ค.ให้ 3 ธีม คือ 1.กลุ่มโรงกลั่น มองผลประกอบการทำจุดต่ำสุดช่วงไตรมาสแรกของปีไปแล้ว และมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาน้ำมันมากขึ้นหลังปัญหา Technical issue ต่างๆในตลาดน้ำมันเริ่มลดลง แนะหุ้น TOP–SPRC–BCP!!
2.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ราคาหุ้นได้สะท้อนผลดำเนินงานไตรมาส 1 ไปเกือบหมดแล้ว แนะหุ้น BBL เพราะมีโอกาสลุ้นถูกนำกลับเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI ที่จะประกาศช่วง 12 พ.ค.นี้ 3.กลุ่มหุ้นที่ทรีนีตี้คำนวณว่ามีโอกาสถูกคัดเลือกเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET 50 ในรอบถัดไป ได้แก่ TTW-BPP!!
อินเด็กซ์ 51