ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 20 เม.ย.63 ปิดที่ 1,266.40 จุด เพิ่มขึ้น 27.16 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 67,298.11 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,829.30 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิดที่ 62.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท, PTT ปิด 35.25 บาท บวก 1 บาท, BAM ปิด 21.90 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, GULF ปิด 36 บาท บวก 1.75 บาท และ JAS ปิด 3.70 บาท ลบ 1.24 บาท
ตลาดมีโมเมนตัมดีดตัวขึ้นแรง แม้มีแรงขายสลับออกมาบ้าง โดยมีปัจจัยหุ้นจากความคืบหน้ายาต้านไวรัสและคาดว่าจะมีวัคซีนป้องกันในปีหน้า ขณะที่เริ่มมีแนวทางในการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ทั้งในสหรัฐฯและยุโรป กระตุ้นตลาดหุ้นสหรัฐฯขึ้นแรงนำทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก
ปัจจัยในประเทศ มีความคาดหวังว่าจะมีการเปิดเมืองที่มีความพร้อมก่อน รวมทั้ง พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้แล้ว
บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์หุ้น Retails Sector แนะนำ “ซื้อ” BJC และ CPALL ถือเป็นหุ้นสำหรับการเติบโตในระยะยาว เนื่องจากเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจใน 2H20F โดยที่ CPALL ได้ประโยชน์จากการเติบโตในระยะยาวจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น, เป็นผู้นำในกลุ่ม Cash & Carry พร้อมทั้งถือหุ้น 40% ใน Tesco Asia
สำหรับ BJC คาดอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้ผลิตสินค้าหลายประเภทที่เป็นที่ต้องการ ทำให้ทั้ง 2 บริษัทได้ประโยชน์จากรูปแบบการใช้จ่ายของคนที่เปลี่ยนไป และจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว
ส่วนความเสี่ยงคือ การบริโภคที่อ่อนแอกว่าที่คาด, การขยายสาขาที่ต่ำมากกว่าคาด และสัดส่วนรายได้บรรจุภัณฑ์ของ BJC ที่เพิ่มขึ้น และหนี้สินของ CPALL ที่สูง ทั้งนี้ ให้มูลค่าที่เหมาะสม BJC ที่ 56 บาท และ CPALL ที่ 91 บาท
ปิดท้าย บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ข้อสรุปค่ายมือถือยอมช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนช่วง covid-19 โดยเปิดใช้บริการโทร.ฟรี 100 นาที เป็นมาตรการเพิ่มเติมจากก่อนหน้าที่ กสทช.เป็นผู้สนับสนุน
เน็ตฟรี 10 GB คาดว่าจะกระทบ sentiment กลุ่มสื่อสารเล็กน้อย
รวมผลกระทบ กรณีเลวร้ายคาดกระทบไม่เกิน 5% ของประมาณ การกลุ่มปี 63 คงน้ำหนัก เท่าตลาด และเป็นโอกาสสะสมหุ้นแกร่ง ระยะยาว INTUCH–ADVANC!!
อินเด็กซ์ 51