ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ธ.ค.62 ปิดที่ 1,548.65 จุด ลบ 1.09 จุด มี มูลค่าการซื้อขาย 59,566.12 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 880.20 ล้านบาท
ตลาดแกว่งกรอบแคบ นักลงทุนยังไม่มั่นใจสถานการณ์การเมือง ขณะที่ตลาดยังไร้ปัจจัยบวกเข้ามาหนุน แม้การเจรจาการค้าเฟสแรกระหว่างจีนกับสหรัฐฯออกมาดี แต่ปัจจัยภายในเรื่องการเมืองกลับกดดันบรรยากาศการลงทุน
มีข่าวหุ้น TCAP โดย บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของ TCAP มีมติจ่ายปันผลพิเศษ หุ้นละ 4 บาท (รวมเป็น จำนวนเงิน 4,660 ล้านบาท) คิดเป็น Div Yield ราว 7% ขึ้น XD วันที่ 27 ธ.ค.62 (จ่าย 16 ม.ค.63)
นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury stock) ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท (ตามแผนที่เปิดเผยครั้งก่อนวงเงิน ในการซื้อหุ้นคืนอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท) คิดเป็นจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนไม่เกิน 97,045,970 หุ้น หรือ 8.33% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว หรือภายใต้ วงเงินดังกล่าวคิดเป็นราคาเฉลี่ยไม่เกิน 61.8 บาท/หุ้น รวมทั้ง 2 โครงการคิดเป็นเงินราว 10,660 ล้านบาท
เป็นไปตามแผนการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทประมาณ 14,000 ล้านบาท ที่ได้มาจากการขายหุ้นธนาคารธนชาต (TBANK) ให้กับ TMB ที่แล้วเสร็จเมื่อต้น ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภายใต้แผนดังกล่าว จะช่วยเพิ่ม EPS, DPS และ ROE ของ TCAP ทันที
โดยภายหลังปรับโครงสร้างธุรกิจ จะทำให้กำไรสุทธิของ TCAP ในปี 63 หลักๆมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก TMB (TCAP เข้าถือสัดส่วนราว 20.1% ของทุนเรียกชำระ ตามแผนรวมกิจการ TBANK กับ TMB) คาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วน 50-60% ของกำไรสุทธิ TCAP
นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งกำไรจาก MBK (TCAP ถือ 19.9%) และ PRG (TCAP ถือ 19.6%) ขณะที่กำไรส่วนที่เหลือมาจาก THANI (TCAP ถือ 65.2%), บล.ธนชาต ฯลฯ
ฝ่ายวิจัยยังอยู่ระหว่างจัดทำประมาณการของ TCAP ใหม่ อย่างไรก็ดี การจ่ายปันผลที่คิดเป็น Div Yield ราว 7% รวมถึงโครงการซื้อหุ้นคืน มีโอกาสเป็น Sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น จึงสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้!!
อินเด็กซ์ 51