ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 พ.ย.62 ปิดที่ 1,609.38 จุด ลดลง 5.42 จุด มีมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 87,951.52 ล้านบาท กองทุนในประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่อง ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิ 2,027.31 ล้านบาท
หุ้น AOT ร่วงแรง ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่าราคาที่อ่อนตัวลงเป็นโอกาสในการซื้อสะสม โดยตลาดกำลังมองข้ามไปไตรมาสหน้า ซึ่งเป็น high season ของภาคท่องเที่ยว และกำลังเตรียมปรับประมาณการจาก upside ประมูล duty free ที่สนามบินดอนเมือง กำหนดยื่นซอง 20 ม.ค.63 แนะทยอยให้ราคาเหมาะสม 85.00 บาท
ปิดท้าย SCB Chief Investment Office ออกบทวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจโลก และกลยุทธ์การลงทุนปี 2020 ในยุค New Normal ระบุว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลก ยังคงอยู่ในช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยผลของสงครามการค้าสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้าหลักๆ ได้ทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวในอัตราชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในระยะ 1 ปีข้างหน้า และอัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปีหน้า
แนะกลยุทธ์ลงทุน ให้หาจังหวะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเลือกลงทุนในหุ้น หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ราคามีการปรับลดลงมามาก จนถือว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน หรืออัตราผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าอัตราผลตอบแทนของตลาด (Laggard) เพื่อให้ได้รับประโยชน์เมื่อเงินลงทุนกลับมาไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ขณะที่ หลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ลงทุนได้ (High Yield) และเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ในช่วงปีหน้าที่เศรษฐกิจยังขยายตัวช้าอยู่
สินทรัพย์ทางเลือก แนะให้เข้าลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ซึ่งช่วงที่ผ่านมา Yield ของ REITs ในไทยและต่างประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้น จากการที่ถูกเทขาย หลังนักลงทุนเริ่มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk on) จึงแนะนำให้รอและทยอยเข้าลงทุน เมื่อ Yield ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับประมาณ 5.4-6.0% จะเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจลงทุนระยะยาวได้
ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ แนะลงทุนใน ตลาดน้ำมัน และหลีกเลี่ยงการลงทุนใน ตลาดทองคำ หลังความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ-จีนมีแนวโน้มผ่อนคลายลงในปีหน้า!!
อินเด็กซ์ 51