ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 30 ก.ค.62 ปิดที่ 1,706.49 จุด ลดลง 11.48 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 55,570.64 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ สุทธิ 509.07 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GPSC ปิด 67 บาท ลบ .75 บาท, SCC ปิด 434 บาท ลบ 6 บาท, ROBINS ปิด 62.50 บาท บวก 2.25 บาท, CPALL ปิด 87 บาท บวก 0.50 บาท และ PTTEP ปิด 135 บาท บวก 1 บาท
หุ้นไทยปรับตัวลงสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังนักลงทุนกังวลงบการเงินไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาอ่อนแอ ขณะนี้ตลาดรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
“วิน อุดมรัชตวนิชย์” ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) KTBS มองหุ้นสัปดาห์นี้ มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) วันที่ 30-31 ก.ค. รวมถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯด้วย
ประเมินว่าทั้ง 2 เรื่องนี้ จะมีผลออกมาในเชิงบวกต่อตลาดทั่วโลกรวมทั้งหุ้นไทย แต่มีเรื่องที่จับตาคือ ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ดังนั้น หุ้นไทยอาจปรับขึ้นได้ไม่มาก มองกรอบบนของดัชนีสัปดาห์นี้ไว้เพียง 1,740 จุด
ประเมินว่า Fed จะลดดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ดีต่อตลาดมากกว่าลดครั้งเดียวที่ระดับ 0.50% เนื่องจากตลาดเริ่มมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังชะลอตัว ปัจจัยในประเทศที่สำคัญ คือ กระทรวงต่างๆจะเริ่มทยอยประกาศแผนงานออกมาที่น่าจับตาคือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่มีผลต่อหุ้นเป็นรายตัว ประเมินว่าไตรมาส 2 อาจไม่เติบโต โดยจะออกมาอยู่ที่-3% YoY และ-8% QoQ ส่วนตัวแปรอื่นๆ ที่มีผลต่อตลาด ได้แก่ ความคืบหน้าสถานการณ์อิหร่านที่มีผลต่อราคาน้ำมัน และความคืบหน้าในเรื่อง BREXIT
แต่ยังมองว่าโอกาสที่จะเป็นบวกต่อตลาดมีมากกว่าลบ ยังมีโอกาสที่จะได้เห็นระดับดัชนี 1,750-1,780 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนให้นักลงทุนปรับสัดส่วนลงทุนมาถือเงินสด 20% พร้อมเลือกลงทุนเป็นรายตัว สัปดาห์นี้แนะนำ RATCH, SSP, SAWAD, OSP, TKN, PTG และ BDMS!!
อินเด็กซ์ 51