ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 มิ.ย.62 ปิดที่ 1,721.33 จุด เพิ่มขึ้น 5.33 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 65,135.92 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,350.74 ล้านบาท
“ไพบูลย์ นลินทรางกูร” นายกสมาคมนักวิเคราะห์ คาดว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้าหุ้นไทยปีนี้มากกว่า 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมมองไว้ 1 แสนล้าน โดยนับจากต้นปีมีเงินไหลเข้ามาแล้วกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท ซึ่ง
ขณะนี้มีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งโฉมหน้า ครม.เศรษฐกิจ และแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงของธนาคารกลางชาติเศรษฐกิจหลักของโลก นำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะกระตุ้นให้เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดหุ้นในภูมิภาครวมทั้งไทยมากขึ้น
หลังจากนี้ ต้องติดตามนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล ที่มาจากหลายพรรคการเมืองว่าจะสามารถรวบรวมเป็นนโยบายรัฐบาลได้อย่างไร รวมทั้ง เสถียรภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ในการทำงานของสภาว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ปิดท้าย “วิลาสินี บุญมาสูงทรง” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองทิศทางหุ้นไทยตอบรับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางแต่ละประเทศ มีแนวโน้มปรับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ประกอบกับสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 10% สัปดาห์ที่ผ่านมา จากความวิตกที่สหรัฐฯ อาจโจมตีอิหร่าน ส่งผลกระทบต่อเส้นทางลำเลียงน้ำมันในตะวันออกกลาง ส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นพลังงาน
ส่วนปัจจัยลบที่มีผลต่อการลงทุนต่อเนื่อง เช่น สงครามการค้าสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศห้ามบริษัทจีนอีก 5 รายทำการซื้อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากบริษัทของสหรัฐฯ ระบุว่ามีแนวโน้มมากที่จะกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และละเมิดนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ
คาดดัชนี SET จะแกว่งในกรอบ 1,690-1,735 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์ (Positive) ซึ่งเน้นทำธุรกิจในประเทศ นำเข้าวัตถุดิบและมีหนี้สินเป็นเงินดอลลาร์ เนื่องจากจะมีต้นทุนลดลงเมื่อคิดเป็นเงินบาทในการชำระค่าซื้อวัตถุดิบหรือชำระหนี้ ได้แก่ ธุรกิจเกษตร ธุรกิจเหล็ก ธุรกิจท่องเที่ยวขาออก
แนะนำหุ้น TASCO, TOA, PTTEP, TOP และ EGCO และหุ้นเข้าใหม่ SET50 : SAWAD, OSP หุ้นเข้าใหม่ SET100 : JAS, JMT, OSP รวมทั้ง SETHD : BEAUTY, INTUCH, JMT, KCE มีผลครึ่งปีหลัง 62!!
อินเด็กซ์ 51