ลดเป้าดัชนี 1,699 จุด!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 มิ.ย.62 ปิดที่ 1,674.14 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 55,324.82 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,889.63 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BEM ปิด 11.30 บาท ลบ 0.10 บาท, PTT ปิด 47 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPALL ปิด 82.75 บาท บวก 1 บาท, EA ปิด 51.75 บาท ลบ 1.75 บาท และ PTTGC ปิด 63 บาท บวก 0.75 บาท

บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ล่าสุด โดยลดประมาณการกำไรตลาดปี 62 เหลือ 1.03 ล้านล้านบาท และปรับลดเป้า SET Index ลงมาอยู่ที่ 1,699 จุด จากเป้าเดิม 1,705 จุด ระบุว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลง ทำให้ฝ่ายวิจัยต้องปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นลง 2.25% จากประมาณการเดิม คาดการณ์กำไรใหม่ อยู่ที่ 1.03 ล้านล้านบาท ได้ EPS ใหม่ที่ 103.32 บาทต่อหุ้น โต 5.6% yoy

ดัชนีเป้าหมายปี 62 จึงลงมาอยู่ที่ 1,699 จุด บนสมมติฐาน Market Earning Yield Gap 4.28% ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบ Valuation ของหุ้นไทยกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคพบว่า ความน่าสนใจในหุ้นไทยลดลง ไม่ว่าจะเป็น Expected PE หุ้นไทยที่ 16.2 เท่า ก็ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นและยังแพงกว่าตลาดหุ้นจีน ซึ่งอยู่ที่ 11.2 เท่า, อินโดนีเซีย 15.5 เท่า

ขณะที่แนวโน้มการเติบโต หรือ EPS Growth ปี 62 ของหุ้นไทยที่ 5.6% ยังโตได้น้อยกว่าหลายประเทศในเอเชีย เช่น อินเดีย โต 17.3%, ฟิลิปปินส์ โต 9.3%, อินโดนีเซีย โต 8.3%, และจีน โต 6.9% โดยรวมแล้ว ทำให้ Upside ของตลาดหุ้นไทยเริ่มจำกัด และ Valuation มีความน่าสนใจลดน้อยลงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ทำให้เชื่อว่า Fund Flow ที่ไหลเข้ามาเร็วและแรงในตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมา มีโอกาสชะลอลง

แนะกลยุทธ์การลงทุนเน้น Selective Buy และเลือกหุ้นที่มี Valuation โดดเด่นกว่าตลาด ดังนี้ RS ให้ราคาเป้าหมาย 22.10 บาท โดยราคาหุ้นจะถูกขับเคลื่อนด้วย 3 ปัจจัย 1.ธุรกิจกลับมาโตชัดเจน

ในส่วนของธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (MPC) ที่เริ่มขายสินค้าผ่านช่องไทยรัฐตั้งแต่ต้น มี.ค.62 หนุนยอดขายไตรมาส 2 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ 2.มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ หนุนให้ค่าตัดจำหน่ายและดอกเบี้ยจากใบอนุญาตปี 62 ลงกว่า 74 ล้านบาท 3.การประกาศลดทุนจากหุ้น ซื้อคืนส่งผลให้ EPS ปีนี้เพิ่มขึ้น 4% หนุนกำไรปีนี้ให้โตสูงถึง 53%

อีกตัวหุ้น SCCC ให้ราคาเป้าหมาย 269 บาท!!

อินเด็กซ์ 51